๑๙.
งานกรีฑา (๗)
 |
รางวัลพระราชทานแก่นักเรียน เรียนดี
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
เมื่อนายกกรรมการอำนวยการกราบบังคมทูลรายงานกิจการของโรงเรียนจบแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานประกาศนียบัตรและรางวัลเรียนดีแก่นักเรียนที่สอบไล่ได้คะแนนเป็นเยี่ยมในแต่ละชั้นแล้ว
พระราชทานพระบรมราโชวาท ความว่า
(สำเนา)
พระบรมราโชวาท
ในโอกาสที่มาเยี่ยมวชิราวุธวิทยาลัย
แจกประกาศนียบัตรและรางวัลของโรงเรียนในวันนี้
ข้าพเจ้ามีความปลื้มใจ
ที่ได้เห็นความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความพร้อมเพรียงของนักเรียน
เฉพาะอย่างยิ่ง
ในการถวายสักการะเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผู้พระราชทานกำเนิดแก่โรงเรียนนี้อันเป็นพิธีการอันหนึ่งที่แสดงความกตัญญูอย่างน่าสรรเสริญ
ตามรายงานของนายกกรรมการฯ
ที่ได้กล่าวถึงประวัติการตั้งโรงเรียนนี้แต่เริ่มแรก
ก็เห็นได้ชัดว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้น
มีพระราชปรารถนาอันแรงกล้าเพียงไร
ที่จะให้โรเรียนกินนอนแห่งนี้
ได้เป็นแบบอย่างแก่โรงเรียนกินนอนแห่งอื่นๆ
เป็นที่อบรมบ่มนิสัย ศีลธรรม
และความรู้แกเด็กนักเรียน
เพื่อได้เป็นคนดีจริงๆ
เป็นกำลังและประโยชน์แก่ประเทศชาติในภายหน้า
และตามที่เจ้าหน้าที่ ครูบาอาจารย์
กับทั้งท่านที่ได้ส่งเสริมกิจการของโรงเรียนนี้
ได้พยายามเอาใจใส่ดำเนินการเพื่อสนองพระราชประสงค์นี้
จนโรงเรียนมีความเจริญเป็นลำดับมานั้น
ถ้าหากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ยังเสด็จอยู่ก็คงเป็นที่พอพระราชหฤทัยไม่น้อย
ในส่วนนักเรียนนั้น
ก็ขอจงสำนึกว่าเป็นโชคดีของตนยิ่งแล้ว
ที่ได้มีโอกาสมาเป็นนักเรียน ณ
สถานศึกษาแห่งนี้ จงมีความขยันหมั่นเพียร
เพื่อได้รับวิชาความรู้และคำสั่งสอนอบรมของครูและอาจารย์
ไว้เป็นมูลฐานการก้าวหน้าในการศึกษาขั้นต่อไปและพยายามประพฤติตนให้ดี
จงรักษาและเชิดชูชื่อเสียงเกียรติคุณของโรงเรียน
ให้สมกับที่ได้รับนามตามพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวต่อไปเถิด
ในโอกาสนี้
ข้าพเจ้าขออวยพรให้ท่านทั้งปวงมีความสุขสวัสดีทั่วกัน |
เมื่อจบพระบรมราโชวาทแล้ว
นักเรียนทั้งหมดลุกขึ้นยืนร้องเพลง อีกสี่สิบปี
โดยมีวงจุลดุริยางค์บรรเลงคลอเสียงร้องของนักเรียน
จบแล้ววงจุลดุริยางค์บรรเลงเพลง สรรเสริญเสือป่า
หรืออีกนัยหนึ่งคือ สรรเสริญพระบารมีบทพระสุบิน
พร้อมกันนั้นพนักงานค่อยๆ ไขม่านปิดพระวิสูตร
อันเป็นสัญญาณว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งเสด็จมาประทับเป็นประธานในงานพิธีดังกล่าวเสด็จขึ้นแล้ว
ธรรมเนียมการเปิดปิดพระวิสูตรนี้มีมาตั้งแต่แรกตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ในพระบรมมหาราชวัง
เนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์มาประดิษฐานที่โรงเรียนองค์หนึ่ง
เมื่อประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ที่โรงเรียนแล้ว
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)
ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอให้มีพระวิสูตรปิดคลุมพระบรมฉายาลักษณ์นั้นไว้
เมื่อมีการประชุมครูนักเรียนจึงจะเปิดพระวิสูตรเผยให้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์
เป็นสัญญาณว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงประทับเป็นประธานในงานพิธีนั้นแล้ว
ผู้ที่ประชุมอยู่ ณ
นั้นต้องปฏิบัติตนเสมอว่าได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่เฉพาะพระพักตร์
และเมื่อปิดคลุมพระบรมฉายาลักษณ์ให้หมายว่า
เสร็จพระราชกิจและเสด็จขึ้นแล้ว
ครั้นความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทตลอดแล้ว
จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้โรงเรียนถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบมาจนถึงทุกวันนี้
 |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ประทับพลับพลายกข้างหอประชุมด้านทิศเหนือ
ทอดพระเนตรนักเรียนเดินแถวถวายตัว |
จบเพลงสรรเสริญพระบารมีบทพระสุบินแล้ว
นักเรียนต่างทยอยกันเดินลงจากหอประชุมไปตั้งแถวในสนามหน้าด้านคณะพญาไท
ครั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินลงจากหอประชุมมาประทับที่พระแท่นข้างหอประชุมด้านทิศเหนือแล้ว
วงโยธวาทิตและวงปี่สก๊อตจึงเริ่มออกเดินนำ
ตามด้วยนักเรียนเชิญธงโรงเรียน
พื้นสีน้ำเงินลายกลางเขียนสีเป็นรูปพระมนูแถลงสาร
กับธงกีฬาของโรงเรียน พื้นสีน้ำเงิน
มีพิมพ์สีเงินเป็นตราพระมหาวชิรมงกุฎ คือ
พระมหามงกุฎประดิษฐานเหนืออุณาโลมที่ทำเป็นเลข ๖
กับพระวชิราวุธแนวนอน
ตอนล่างเป็นตัวอักษรสีเงินระบุนามโรงเรียน
วชิราวุธวิทยาลัย ต่อด้วยธงประจำคณะ
แล้วจึงเป็นแถวนักกรีฑาที่จะลงแข่งขันหน้าพระที่นั่ง
ต่อด้วยแถวนักเรียนเรียงลำดับจากคณะผู้บังคับการ ดุสิต
จิตรลดา พญาไท เด็กเล็ก ๑ (สนามจันทร์) และเด็กเล็ก ๒ (นันทอุทยาน)
เมื่อนักเรียนเดินแถวถวายตัวผ่านหน้าที่ประทับ
นักเรียนต่างทำ แลขวา ถวายเคารพ
แล้วจึงวกไปตั้งแถวที่กลางสนาม
เมื่อขบวนทั้งหมดเข้าไปตั้งแถวเฉพาะพระพักตร์เรียบร้อยแล้ว
หัวหน้านักเรียนนำนักเรียนทั้งหมดถวายตัวเป็น
"มหาดเล็ก"
ตามโบราณราชประเพณี เริ่มด้วยเปิดกรวยกระทงเครื่องบูชายิ่ง
แล้วเชิญพานดอกไม้ธูปเทียนเครื่องบูชายิ่งนั้นทูลเกล้าฯถวาย
เสร็จแล้วนักเรียนร้องเพลง เราเด็กในหลวง
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖
 |
ถ้วยรางวัลพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สำหรับการแข่งขันขันกรีฑาระหว่างคณะ |
เสร็จพิธีถวายตัวของนักเรียนแล้ว
จึงเริ่มการแข่งขันกรีฑารายการสำคัญของเด็กโต อาทิ วิ่ง
๑๐๐ เมตร ๒๐๐ เมตร ผลัด
๔ x ๑๐๐ เมตร
ส่วนการกรีฑาของเด็กเล็กที่จัดแข่งขันหน้าพระที่นั่งในวันนั้น
มีอาทิ การแข่งขันชักคะเย่อ
และวิ่งวิบากของนักเรียนคณะเด็กเล็ก ๑ และเด็กเล็ก ๒ (เวลานั้นคณะเด็กเล็กยังมีเพียง
๒ คณะ คณะเด็กเล็ก ๓ (สราญรมย์)
มาตั้งขึ้นในอีกไม่กี่ปีต่อมา)
การแข่งขันกรีฑานี้มีบันทึกในวชิราวุธานุสาส์นว่า
ได้รับคำชมเชยจากผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก
อนึ่ง
ในการเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการกรีฑาของนักเรียนในคราวนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ
พระราชทานถ้วยรางวัลการแข่งขันกรีฑาไว้แก่โรงเรียนถ้วยหนึ่ง
และเมื่อจบการแข่งขันกรีฑาหน้าพระที่นั่งแล้ว
หัวหน้าคณะที่ชนะการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ
ในรอบปีได้เดินเข้าไปตั้งแถวที่หน้าพลับพลาที่ประทับ
ท่านผู้บังคับการกราบบังคมทูลเบิกหัวหน้าคณะจิตรลดา
ซึ่งเป็นคณะที่ชนะเลิศคะแนนรวมการแข่งขันกรีฑาในปีนั้นเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานถ้วยหลวง
แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานถ้วยรางวัลกีฬาประเภทต่างๆ
แก่หัวหน้าคณะที่ชนะการแข่งขันกีฬาในปีนั้น
เมื่อรับพระราชทานถ้วยรางวัลแล้ว
หัวหน้าที่เข้ารับพระราชทานถ้วยรางวัลคงยืนถือถ้วยรางวัลรอส่งเสด็จที่หน้าที่ประทับ
แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระดำเนินจากพลับพลายกไปประทับรถยนต์พระที่นั่งที่เทียบอยู่ที่วงเวียนหน้าหอประชุม
 |
 |
หัวหน้าและนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๘
ร่วมกันเข็นรถพระที่นั่งส่งเสด็จ
เป็นการสนองพระเดชพระคุณครั้งสุดท้ายก่อนจบการศึกษา |
เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเริ่มเคลื่อนออกจากถนนวงเวียนหน้าหอประชุมในเวลาประมาณ
๑๘.๑๕ น. วงโยธวาทิตบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
นักเรียนรายทางส่งเสด็จพระราชดำเนินตลอดแนวสองข้างถนนจากหน้าหอประชุมไปจนสุดประตูคณะจิตรลดา
ในขณะที่หัวหน้านักเรียนและนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๘
ที่กำลังจะจบการศึกษาร่วมกันเข็นรถยนต์พระที่นั่งส่งเสด็จพร้อมเปล่งเสียงไชโยกึกก้องไปตลอด
จนรถยนต์พระที่นั่งพ้นเขตโรงเรียนที่ประตูคณะจิตรลดา
ประเพณีการเข็นรถพระที่นั่งส่งเสด็จนี้
นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวง จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม
สุนทรเวช) เล่าให้ฟังว่า
เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อล้นเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินมางานโรงเรียน
ประทับเสวยพระกระยาหารค่ำแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ
เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเริ่มเคลื่อนออกจากโรงเรียน
นักเรียนต่างพากันวิ่งตามส่งเสด็จบ้างก็เข้าเข็นรถยนต์พระที่นั่งซึ่งเป็นรถไฟฟ้า
การครั้งนี้ทำเอาอาจารย์ใหญ่ในเวลานั้น คือ
พระอภิรักษ์ราชฤทธิ์ (ศร ศรเกตุ)
ที่ต่อมาได้เป็นพระยาบริหารราชมานพ
ผู้บังคับการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ถึงกับตกใจที่นักเรียนบังอาจกระทำการที่ไม่เหมาะสม
รุ่งเช้าอาจารย์ใหญ่ได้ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษแทนนักเรียน
แต่เนื่องจากมีพระราชดำริว่า การที่นักเรียนได้กระทำไปนั้น
ก็ด้วยความจงรักภักดีใคร่จะได้สนองพระเดชพระคุณให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายพระเนตร
จึงมีพระราชกระแสดำรัสสั่งให้โรงเรียนรักษาธรรมเนียมนี้ไว้
และพระราชทานพระรมราชานุญาตให้นักเรียนได้เข็นรถยนต์พระที่นั่งและวิ่งตามส่งเสด็จสืบมาจนถึงปัจจุบัน
|