๔๓.
นายใน นางใน (๓)
แต่ทว่าเมื่อกองทหารอาสาที่ไปร่วมรบในงานพระราชสงคราม
ณ ทวีปยุโรปเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพฯ
ยังไม่ทันครบเดือน
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี
พันปีหลวง
ซึ่งทรงพระประชวรเรื้อรังมาแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต
ก็มาด่วนเสด็จสวรรคตไปอีกพระองค์หนึ่งเมื่อวันที่
๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๒
ในพระราชสำนักจึงต้องมีการไว้ทุกข์ถวายต่อเนื่องกันมาอีกหลายเดือน
เสร็จการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระบรมราชชนนี
พันปีหลวง ในวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๓ แล้ว
จึงได้มีพระราชดำริให้มีการรื่นเริงเพื่อคลายทุกข์โศก
เริ่มจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการประกวดภาพ
ครั้งที่ ๒ ที่ศาลาวรนาฏเวทีสถาน
พระราชวังบางปะอิน ในระหว่างวันที่ ๘
- ๑๒ กรกฎาคม
พ.ศ. ๒๔๖๓ แล้วมีกระแสพระราชดำรัสว่า
"อยากจะให้ชาวกรุงเทพฯ
ได้ชมการประกวดภาพแบบนี้บ้าง
จึงได้ทรงกำหนดให้มีการประกวดภาพครั้งที่ ๓
ที่พระราชวังพญาไท ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน"
[๑]
 |
เสมาอักษรพระบรมนามาภิไธย่อ ร.ร.๖
ประดับเพชร |
การประกวดภาพที่พระราชวังพญาไทระหว่างวันที่ ๑๑
- ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๓
นั้นนักเรียนมหาดเล็กรับใช้ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล
ได้บันทึกไว้ใน "อัตชีวประวัติ ของ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล"
ว่า "หม่อมเจ้าหญิงพี่น้องท่านดุลภากร
[๒]
ก็มาชมหลายครั้ง
และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทักทายด้วย"
[๓]
ต่อมาในตอนค่ำวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๓
"พอสมเด็จพะเจ้าน้องยาเธอทั้ง ๒
คือ ทูลกระหม่อมติ๋ว [๔]
และทูลกระหม่อมฟ้าน้อย
[๕]
ได้เสด็จกลับไปแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสนทนากับหม่อมเจ้าวรรณวิมล
เริ่มต้นด้วยพระราชทานเสมาฝังเพชรแก่ท่านหญิงวรรณวิมล
และท่านหญิงพิมลวรรณ"
[๖]
ครั้นถึงเวลาเสวยเครื่องว่าง
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเชิญหม่อมเจ้าหญิงวรรณวิมลไปประทับทางขวาของพระองค์
โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์
ประทับทางซ้าย มีท่านหญิงท่านชายในราชสกุลวรวรรณ
ได้นั่งโต๊ะเสวยในวันนี้อีก ๖ ท่าน
นอกจากนั้นก็มีท่านเจ้าคุณต่างๆ ในพระราชสำนัก"
[๗]
และในโอกาสเดียวกันนั้นยังได้ทรงชวนหม่อมเจ้าหญิงวรรณวิมล
ทรงร่วมแสดงละครเป็นคุณหญิงสมุทโยธิน
ในละครพระราชนิพนธ์เรื่อง "โพงพาง"
ซึ่งทรงแสดงเป็นนายพลเรือโท พระยาสมุทโยธิน
นับเป็นครั้งแรกที่การแสดงละครพูดในพระราชสำนักเริ่มเปลี่ยนเป็นการจัดแสดงในรูปแบบชายจริงหญิงแท้
 |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงแสดงเป็นนายพลเรือโท พระยาสมุทโยธิน
หม่อมเจ้าหญิงวัลลภาเทวี วรรวรรณ
ทรงแสดงเป็นคุณหญิงสมุทโยธิน
หม่อมเจ้าหญิงลักษมีลาวัณ วรวรรณ
ทรงแสดงเป็นนางสาวสายหยุด สมุทานนท์
และพระยาประสิทธิ์ศุภการ (ม.ล.เฟื้อ
พึ่งบุญ) แสดงเป็นนายเรือเอก
หลวงเชี่ยวชลธาร
ในการแสดงละครพระราชนิพนธ์เรื่อง โพงพาง
ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้จัดแสดง
ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๖
- ๗ พฤศจิกายน
และที่นครปฐม เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ.
๒๔๖๓ |
ถัดมาวันที่
๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ ก็ได้โปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระนามใหม่แก่หม่อมเจ้าหญิงในราชสกุลวรวรรณรวม ๕
พระองค์ คือ
หม่อมเจ้าวรรณวิมล
เป็น หม่อมเจ้าวัลลภาเทวี
หม่อมเจ้าวิมลวรรณ เป็น
หม่อมเจ้าวรรณีศรีสมร
หม่อมเจ้าพิมลวรรณ เป็น
หม่อมเจ้านันทนามารศรี
หม่อมเจ้าวรรณพิมล เป็น
หม่อมเจ้าลักษมีลาวัณ
หม่อมเจ้าวัลลีวรินทร์ เป็น
หม่อมเจ้าศรีสอางค์นฤมล
ในการพระราชพระนามใหม่แก่หม่อมเจ้าหญิงทั้ง ๕ พระองค์นั้น
ท่านหญิงฤดีวรวรรณ วรวรรณ [๘]
ได้กล่าวไว้ใน "The Tresured One : The Story of
Rudivoravan Prince of Siam" ซึ่งแก้วสุวรรณ แปลไว้ในชื่อ
"บันทึกท่านหญิง ม.จ.หญิงฤดีวรวรรณ"
ว่า
 |
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระนราธิปประพันธ์พงษ์ กับ
หม่อมเจ้าหญิงฤดีวรวรรณ วรวรรณ
พระธิดา |
"การได้รับพระราชทานนามจากพระเจ้าอยู่หัวนั้นถือเป็นเกียรติอย่างสูงส่ง
แต่ประเพณีนี้มีความสำคัญที่แปลกประหลาดออกไปอีก
ชื่อนั้นถูกพิจารณาว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของชาวสยาม
เป็นที่เชื่อกันว่าใครก็ตามที่จะแต่งงานกันควรมีชื่อเป็นตัวอักษรที่เข้ากันได้ดีมีดวงสมพงศ์ถูกโฉลกกันตามหลักโหราศาสตร์
จึงเป็นที่คาดกันว่าสตรีที่ได้รับพระราชทานนามจากพระเจ้าอยู่หัวเหล่านี้อาจมีคนหนึ่งที่จะได้รับการเลือกให้เป็นพระราชินีก็เป็นได้
หม่อมเจ้าหญิงวัลลภาเทวี (ขาว หรือ เตอะ)
เป็นสตรีที่เหมาะสมที่สุด แต่พระขนิษฐภคินี (น้องสาว)
มีชื่อเล่นว่า "ติ๋ว" ซึ่งอยู่ในวัยอภิเษกได้
กลับมีความสวยและเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายทั่วไป
เมื่อพระเจ้าแผ่นดินพระราชทานนามพระขนิษฐภคินีองค์น้องว่า
"ลักษมีลาวัณ"
ทำให้ผู้ที่ชื่นชมถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจและเริ่มกระซิบกันต่อ
เพราะจากตำนานไทยนั้น "ลักษมี"
เป็นชื่อของเจ้าแม่แห่งความโชคดี
พระนางคือพระอัครมเหสีของพระนารายณ์
ประชาชนพากันมองเจ้าพี่หญิงของฉันและพูดกันว่า "ท่านหญิงอาจเป็นองค์ที่ได้รับเลือก
ท่านหญิงลักษมีอาจได้เป็นพระราชินี"
ยังมีเครื่องหมายอย่างอื่นๆ
อีกที่ทำให้ประชาชนเกิดความสงสัย
พระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นกวีและนักเขียนบทละคร
และฉันคิดว่าในพระราชหฤทัยของพระองค์นั้นโรงละครหลวงเป็นที่รักยิ่งของพระองค์เทียบเท่าพระราชวังทีเดียว
สมาชิกในราชสกุลของเรามักถูกเรียกไปรับบทในละครของพระองค์ท่านเสมอ
หม่อมแม่ของฉัน
[๙]
เป็นที่นิยมอย่างมากที่นั่นทั้งในฐานะนักแสดงและส่วนบุคคล
แต่คราใดที่พระเจ้าแผ่นดินทรงรับเป็นพระเอก
ครานั้นท่านพี่หญิงลักษมีจะรับบทเป็นนางเอก
เมื่อถึงฉากที่ต้องแสดงความรักพระเอกจะแสดงได้สมบทบาทสมจริงยิ่งนัก
ท่านพี่หญิงองค์อื่นๆ
ของฉันพากันแหย่ท่านพี่หญิงลักษมีในเรื่องนี้
"จำเป็นด้วยหรือที่พระเจ้าแผ่นดินจะต้องกอดเธอแน่นอย่างนั้นขณะที่ม่านปิด"
ท่านพี่หญิงลักษมีจะมีทีท่าเขินอายอย่างมีความสุข
ดังนั้นพวกเราจึงเตรียมตัวพร้อมที่จะได้ยินพระบรมราชโองการของพระเจ้าแผ่นดินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพี่หญิงลักษมี
เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกพระสุณิสา ในช่วงระยะเวลา ๙
ปีที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖
ทรงปกครองประเทศโดยปราศจากพระอัครมเหสี
ได้มีการแข่งขันกันสำหรับพระตำแหน่งเกียรติยศอันสูงส่งนี้
บรรดาแม่ทั้งหลายต่างพากันเสนอธิดาให้พระเจ้าแผ่นดินทรงเลือก
มีคนหนึ่งที่ใฝ่สูงทะเยอทะยานสร้างสถานการณ์ขึ้นมาจนทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องประกาศการหมั้นอย่างเป็นทางการ
ด้วยรู้ว่าหม่อมเจ้าหญิงวัลลภาเทวีเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับการพิจารณา
นางนั้นกราบทูลพระเจ้าแผ่นดินในทำนองว่าหม่อมเจ้าหญิงวัลลภาเทวีมีโรคประจำตัวและขี้โรค
ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง
พระเจ้าแผ่นดินทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทและทรงแน่พระทัยว่าเป็นความพยายามที่จะทำให้พระองค์หลงกลอุบายไม่เลือกท่านพี่หญิงวัลลภาเทวีเป็นพระคู่หมั้น
พระองค์ทรงพระพิโรธถึงกับมีพระกระแสรับสั่งว่า
"หากวัลลภาเจ็บป่วยจริง
เราจะแต่งงานด้วยและจะหาแพทย์มาดูแลรักษาพยาบาลให้อย่างเหมาะสมทีเดียว"
"
[๑๐]
|
|