๒.
บัดนี้ฃ้าพเจ้าขออนุญาตแสดงความเห็นของฃ้าพเจ้าในเรื่องการ
เลือกตั้งกรรมการแห่งคณฟุตบอลแห่งสยามดังต่อไปนี้
คือ :-
(๑)
ครั้นว่าจะให้สมาชิกทั้งหมดแห่งคณฟุตบอลแห่งสยามมาประชุมนายก
พร้อมกันแล้วและเลือกกรรมการ
ก็เกรงว่าจะไม่เปนการสดวก, เพราะ
ประการ ๑
ที่ประชุมจะมีคนมาอยู่มากจนเกินที่จะกระทำกิจธุระให้สำเร็จได้โดยไม่เปลืองเวลาเกินเหตุ; และอีกประการ ๑
สมาชิกแห่งสโมสรต่างๆ
อาจที่จะไม่มีโอกาศที่จะได้มาในการประชุมได้โดยจำนวนอันสม่ำเสมอกัน,
เพราะฉนั้นถ้าหากว่าพะเอินกิจการเปนที่ไม่พอใจแห่งสมาชิกบางจำพวก, เช่นต่างว่าในการเลือกกรรมการนั้น
สมาชิกคน ๑
แห่งสโมสร
ก ได้รับเลือกเปนคะแนนมาก แต่สมาชิกคน ๑
แห่งสโมสร
ข ได้คะแนนน้อยจึ่งไม่ได้เปนกรรมการฉนี้, พวกสโมสร
ข อาจจะ
รู้สึกว่าเสียเปรียบ
เพราะสมาชิกสโมสรตนพะเอินไปในที่ประชุมใหญ่ไม่ได้มากเท่าสมาชิกสโมสร ก ดังนี้เปนต้น,
(๒) ฉนั้นจึ่งเห็นว่า
เมื่อถึงกำหนดเวลาที่จะเลือกกรรมการสำหรับคณฟุตบอลแห่งสยาม ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้ :
(ก) ให้เลฃาธิการบอกกำหนดวันประชุมไปให้สโมสรต่างๆ
ทราบล่วงหน้า ๗ วัน
(ข) เมื่อได้รับคำบอกกล่าวของเลฃาธิการเช่นนี้แล้ว
ให้สโมสรต่างนัดประชุมสมาชิกสโมสรของตน เพื่อเลือกสมาชิก ๓
นายส่งไปเปนผู้แทนสโมสรในที่ประชุมใหญ่เลือกกรรมการคณฟุตบอลแห่งสยาม
(ค) เมื่อถึงกำหนดวันนัดประชุมให้ผู้แทนสโมสรต่างๆ
ไปประชุมพร้อมกัน เพื่อเลือกกรรมการ.
ผู้แทนสโมสรไม่จำเปนต้องเปนกรรมการสโมสรนั้น
(๓)
ในการเลือกกรรมการควรใช้ระเบียบลงคะแนนในกระดาษ
คือ
เลฃาธิการส่งกระดาษให้แก่ผู้แทนสโมสรต่างๆ
คนละแผ่น. ในกระดาษนั้นมีเลขหมายตั้งแต่ ๑ ถึง ๗;
ให้ผู้แทนสโมสรต่างๆ เขียนนามผู้ที่ตนปรารถนาเลือกเปนกรรมการคณฟุตบอลแห่งสยาม
ตามลำดับเลข รวม
๗ นาย, และเมื่อเขียนนามเสร็จแล้ว
ให้พับกระดาษให้มิดชิด
แล้วและส่งกระดาษให้แก่เลขาธิการ.
(๔) เมื่อรวบรวมกระดาษใบลงคะแนนนั้นหมดแล้ว
ให้เลฃาธิการกับผู้ช่วยตรวจนามในใบลงคะแนน
และนับว่าผู้ใดได้รับเลือกกี่คะแนน.
ผู้ใดที่ได้คะแนนมากที่สุดนับว่าได้เปนสภานายกแห่งคณฟุตบอลแห่งสยามประจำปีนั้น.
(๕) เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้เปนสภานายกแล้ว,
ให้ถือว่า ผู้ได้คะแนนเปนที่ ๒ ถึง ๗
คงเปนอันได้เปนกรรมการคณฟุตบอลแห่งสยามประจำปีนั้น.
|