ในส่วนของหลักสูตรการเล่าเรียนของโรงเรียนมหาดเล็กหลวงนั้น
เมื่อแรกทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาโรงเรียนใน
พ.ศ. ๒๔๕๓
โรงเรียนคงจัดการเล่าเรียนตามหลักสูตรหลวงที่กำหนดไว้ในแผนการศึกษาชาติ
พ.ศ. ๒๔๔๕ โดยกำหนดอายุนักเรียนสำหรับชั้นต่างๆ
ไว้ดังนี้
ชั้นปีที่ ๑ มูล
[๑] |
อายุ ๖
ปี |
ชั้นปีที่ ๒ มูล
[๒] |
อายุ ๗
ปี |
ชั้นประโยคมูล
[๓] |
อายุ ๘
ปี |
ชั้นปีที่ ๑ ประถม
[๔] |
อายุ ๙
ปี |
ชั้นปีที่ ๒ ประถม
[๕] |
อายุ
๑๐ ปี |
ชั้นประโยคประถมพิเศษ
[๖] |
อายุ
๑๑ ปี |
ชั้นปีที่ ๑ มัธยม
[๗] |
อายุ
๑๒ ปี |
ชั้นปีที่ ๒ มัธยม
[๘] |
อายุ
๑๓ ปี |
ชั้นประโยคมัธยมพิเศษ
[๙] |
อายุ
๑๔ ปี |
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๕๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศใช้แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. ๒๔๕๖
กำหนดหลักสูตรการศึกษาชาติเป็น อนุบาล ประถม มัธยม
และอุดมศึกษา โดยเทียบหลักสูตรการศึกษาเดิม
ชั้นมูล ๑ ๒ มูล และชั้นประโยคมูล
|
เทียบชั้นประถมปีที่ ๑ ๒ ๓ |
ชั้นปีที่ ๑ ๒ ประถม
และชั้นประโยคประถมพิเศษ
|
เทียบชั้นมัธยมปีที่ ๑ ๒ ๓ |
 |
โครงสร้างการศึกษาตามแผนการศึกษาชาติ พ.ศ. ๒๔๕๖
|
ชั้นปีที่ ๑ ๒ มัธยม
และชั้นประโยคมัธยมพิเศษ |
เทียบชั้นมัธยมปีที่ ๑ ๒ ๓ |
ในการจัดการศึกษาตามแผนการศึกษาชาติ พ.ศ. ๒๔๕๖
นั้น กระทรวงธรรมการกำหนดให้
โรงเรียนประจำอำเภอ |
เปิดสอนในระดับชั้นประถม คือ ประถม ๑ ๒ ๓ |
โรงเรียนประจำจังหวัด |
เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมต้น คือ มัธยม ๑ ๒
๓ |
โรงเรียนประจำมณฑล |
เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมกลาง คือ มัธยม ๔
๕ ๖ |
ส่วนการเรียนการสอนชั้นมัธยมปลายมีสอนเฉพาะในโรงเรียนมัธยมบางโรงในกรุงเทพฯ
เท่านั้น
ทั้งนี้เพราะในเวลานั้นยังขาดทั้งครูผู้สอนและนักเรียนที่มีพื้นความรู้พอที่จะเรียนต่อในระดับนี้
แต่ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ขยายการเล่าเรียนเต็มตามแผนการศึกษาชาติ พ.ศ.
๒๔๕๖
คือเปิดสอนตั้งแต่ชั้นประถมไปจนถึงมัธยมบริบูรณ์
โดยมีกำหนดรับนักเรียนเข้าเรียนตามอายุตั้งแต่ ๘
ปีเต็มไปจนถึง ๑๖ ปี
แบ่งตามชั้นที่จะเข้าเล่าเรียน คือ
ชั้นเตรียม ๑ |
อายุ ๗
ปี |
ชั้นเตรียม ๒ |
อายุ ๘
ปี |
ชั้นมัธยมปีที่ ๑ |
อายุ ๙
ปี |
ชั้นมัธยมปีที่ ๒ |
อายุ
๑๐ ปี |
ชั้นมัธยมปีที่ ๓ |
อายุ
๑๑ ปี |
ชั้นมัธยมปีที่ ๔ |
อายุ
๑๒ ปี |
ชั้นมัธยมปีที่ ๕ |
อายุ
๑๓ ปี |
ชั้นมัธยมปีที่ ๖ |
อายุ
๑๔ ปี |
ชั้นมัธยมปีที่ ๗ |
อายุ
๑๕ ปี |
ชั้นมัธยมปีที่ ๘ |
อายุ
๑๖ ปี |
แต่กำหนดอายุนั้นกรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ให้คำอธิบายว่า
"ตามที่กำหนดไว้นี้นับว่าเปนชั้นที่สมควรแก่อายุ
ถ้าผู้ปกครองจะส่งเด็กที่ทีอายุมากหรือน้อยตามที่มีกำหนดอยู่ในเกณฑ์นี้แล้วก็จะรับได้
เมื่อกรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นควร.
ตามข้อความที่กำหนดมาแล้วนี้,
เปนการกำหนดรับนักเรียนสมัค
ส่วนนักเรียนหลวงที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เข้าเล่าเรียนโดยฉะเพาะตามที่ได้กล่าวไว้ในตอนประเภทของนักเรียนต่างๆ
นั้น, แม้จะมีอายุมากน้อยประการใด,
โรงเรียนรับเข้าเรียนทั้งสิ้น."
[๑๐] |
ต่อมาเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้โอนโรงเรียนราชวิทยาลัยมาขึ้นสภากรรมการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
กับโปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่จังหวัดเชียงใหม่อีกโรงหนึ่งเมื่อ
พ.ศ. ๒๔๕๙ แล้ว ก็โปรดเกล้าฯ
ให้โรงเรียนทั้งสองจัดการเล่าเรียนตามหลักสูตรหลวงของกระทรวงธรรมการเช่นเดียวกับโรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพฯ
แต่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่นั้นเปิดสอนเพียงชั้นมัธยมปีที่
๗ นักเรียนที่สอบไล่ได้ชั้นมัธยมปีที่ ๗
แล้วต้องลงมาเล่าเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๘
ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพฯ
การประจำวันตามเวลาปรกติของโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ทั้งสามนั้นมีกำหนด
ดังนี้
ย่ำรุ่ง
[๑๑] |
ตื่นนอน |
ย่ำรุ่ง ๑๐ นาที |
กินน้ำชาเช้าในห้องเลี้ยง |
ย่ำรุ่งครึ่งถึงโมงครึ่ง |
ตรวจชื่อ หัดทหารหรือหัดยิมนาสตกส |
โมงครึ่ง |
อาบน้ำ
แต่งตัวสำหรับเรียน |
๒
โมงเช้า |
กินอาหารเช้าในห้องเลี้ยง |
๓
โมงเช้าถึงเที่ยง |
ตรวจชื่อ เข้าห้องเรียน |
เที่ยงครึ่ง |
กินอาหารกลางวัน |
บ่าย ๑
โมงครึ่งถึงบ่าย ๓ โมงครึ่ง |
ตรวจชื่อ เข้าห้องเรียน |
บ่าย ๓
โมง ๔๕ นาทีถึง ๔ โมงครึ่ง |
ผลัดเครื่องแต่งตัวหัดทหาร หรือยิมนาสติกส |
บ่าย ๔
โมงครึ่ง |
กินน้ำชาบ่าย แล้วออกเล่นในสนาม อาบน้ำ
แต่งตัวอย่างอยู่บ้าน สรวมกางเกงไทย
มีเสื้อนอก |
ย่ำค่ำครึ่ง
[๑๒] |
กินอาหารเย็น |
ทุ่มครึ่ง |
ตรวจชื่อ
เข้าเรียนเปนการตระเตรียมสำหรับวันรุ่งขึ้น |
๒ ทุ่ม |
พวกเล็กเลิกเรียนไปเข้าห้องนอน |
๒
ทุ่มครึ่ง |
ดับไฟตอนห้องนอนพวกเล็ก |
ยามหนึ่ง
[๑๓] |
พวกใหญ่เลิกเรียนไปเข้าห้องนอน |
ยามครึ่ง
[๑๔] |
ดับไฟตอนห้องนอนพวกใหญ่ |
 |
ประกาศนียบัตรโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์
ของนักเรียนมหาดเล็กหลวงแจ่ม สุนทรเวช (จมื่นอมรดรุณารักษ์)
|
อนึ่ง
เนื่องจากกระทรวงธรรมการกำหนดเวลาเล่าเรียนของนักเรียนในแต่ละปีการศึกษาเริ่มจากเดือนพฤศภาคมไปสอบไล่ปลายปีในเดือนมีนาคมของทุกปี
แต่นักเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์นั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เป็นลูกเสือหลวงและนักเรียนเสือป่าหลวง
ซึ่งต้องตามเสด็จไปในการซ้อมรบเสือป่าประจำปีในช่วงเดือนมกราคม
- มีนาคมของทุกปี
สำหรับโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดการเล่าเรียนเป็นพิเศษเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน
แล้วขอให้กรมสอบไล่ กระทรวงธรรมการ
มาจัดการสอบไล่ให้นักเรียนโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นการพิเศษ
และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นักเรียนโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ที่สอบไล่ได้ตามหลักสูตร
ได้รับพระราชทานประกาศนียบัตรของโรงเรียนในพระบรมราชปถัมภ์
ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์
ผู้บังคับการโรงเรียนและเจ้ากรมสอบไล่
กระทรวงธรรมการ
ลงนามร่วมกันพร้อมประทับตราประจำชาดของโรงเรียนให้เป็นหลักฐาน