ถวายตัว
ในอดีตเมื่อพระบรมวงศ์และข้าราชการมีบุตรธิดาที่เติบโตพอจะเรียนรู้หนังสือและข้อราชการได้แล้ว
บิดามารดาก็จะจัดดอกไม้ธูปเทียนให้เด็กนั้นได้ถวายตัวเข้ารับราชการในพระราชสำนักทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน
เพื่อเรียนรู้อักขรวิธีและข้อราชการสำหรับจะได้รับราชการสืบสกุลต่อไป
ล่วงมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อโปรดเกล้าฯ
ให้ปฎิรูปการปกครองแผ่นดินจากระบบจตุสดมภ์มาเป็นกระทรวงเสนาบดีเฉกเช่นนานาอารยประเทศแล้ว
แต่ละกระทรวงต่างก็เปิดรับบุคคลเข้ารับราชการเป็นการทั่วไป
ธรรมเนียมการถวายตัวด้วยวิธีถวายดอกไม้ธูปเทียนจึงคงเหลืออยู่แต่เพียงผู้ที่จะเข้ารับราชการในพระราชสำนัก
และคงถือปฏิบัติสืบต่อมาจนเปลี่ยน-แปลงการปกครองแล้ว
ธรรมเนียมนี้จึงได้เลิกไป
แต่ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงนั้น
เนื่องจากเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระยุพราชนั้น
ได้มีบิดามารดาและผู้ปกครองนำบุตรหลานและเด็กๆ
ในความปกครองมาถวายตัวเป็นมหาดเล็กรุ่นเยาว์จำนวนมาก
เนื่องจากทรงพระราชดำริว่า เด็กๆ
เหล่านั้นยังมีอายุอยู่ในวัยเล่าเรียน
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มหาดเล็กเด็กๆ
เหล่านั้นแยกย้ายกันไปเล่าเรียนในโรงเรียนต่างๆ
ตามความถนัดของแต่ละบุคคล
และเมื่อทรงรับรัชทายาทเสด็จดำรงสิริราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่
๖ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์แล้ว ก็ได้โปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นที่ในพระบรมมหาราชวัง
เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๓
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้มหาดเล็กรุ่นเยาว์ที่โปรดเกล้าฯ
ให้ไปเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียนต่างๆ
นั้นย้ายมาเรียนรวมกันที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ครูและนักเรียนในโรงเรียนมหาดเล็กหลวงชุดแรกนี้จึงมีฐานะเป็นข้าราชการในพระราชสำนักเมาแต่แรกตั้งโรงเรียน
ต่อมาเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศ ระเบียบการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ในพระบรมราชูปถัมภ์ส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๑ เมษายน
พ.ศ. ๒๔๕๔
โดยตามระเบียบการนี้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้โรงเรียนรับสมัครนักเรียนเข้าเรียนตามใจสมัคร
นักเรียนที่สมัครเข้าเรียนที่เรียกว่า นักเรียนสมัค
นี้
เมื่อถึงเวลาก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้โรงเรียนจัดให้นักเรียนนั้นถวายตัวเป็นมหาดเล็กสืบมาตราบจนสิ้นรัชกาล
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
แม้จะมีการปรับปรุงส่วนราชการในพระราช-สำนัก
ซึ่งมีผลให้ต้องโปรดเกล้าฯ
ให้รวมโรงเรียนมหาดเล็กหลวงและโรงเรียนราชวิทยาลัยเข้าด้วยกัน
และพระราชทานนามโรงเรียนให้ใหม่ว่า โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙ แล้ว
นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยมิได้มีสถานะเป็นข้าราชการในพระราชสำนักเช่นกาลก่อน
แต่โดยที่ทรงรับพระราชมรดกเป็นพระบรมราชูปถัมภกวชิราวุธวิทยาลัยต่อมา
ก็ได้ทรงรับพระราชธุระสอดส่องตรวจตรากิจการของโรงเรียนมาโดยตลอด
นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยจึงคงมีสถานะแป็นมหาดเล็กในพระองค์ต่อเนื่องมาเป็นลำดับ
 |
พระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ อิศรเสนา)
ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
กราบบังคมทูลเบิกครูวชิราวุธวิทยาลัยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายตัว
ในวโรกาสแรกที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร
เสด็จพระราชดำเนินวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๙
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๕ |
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร
เสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนครเป็นการถาวรภายหลังจากทรงสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศแล้ว
ก็ทรงพระมหากรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานประกาศนียบัตรและรางวัลแก่นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเป็นครั้งแรก
เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๕
ในวโรกาสนั้นพลเอก มังกร พรหมโยธี
นายกกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัยได้เบิกคณะกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัยเฝ้าถวายคัวตามประเพณี
จากนั้นท่านผู้บังคับการพระยาภะรตราชาได้นำคณะครูเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายตัว
 |
ครูและนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเดินแถวถวายตัว
ในงานพระราชทานประกาศนียบัตรและรางวัลประจำปี |
ต่อจากนั้นมาเมื่อมีครูและบุคลากรเข้าปฏิบัติงานในวชิราวุธวิทยาลัย
โรงเรียนก็จะได้จัดให้ครูและบุคลากรที่เข้าใหม่นั้นเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถทูลเกล่าฯ
ถวายดอกไม้ธูปเทียนถวายตัวในงานพระราชทานประกาศนียบัตรและรางวัลสืบต่อมาทุกปี
ส่วนนักเรียนเมื่อเสด็จประทับพระแท่นยกข้างหอประชุมแล้ว
โรงเรียนก็ได้จัดให้นักเรียนทั้งหมดเดินแถวถวายตัวผ่านหน้าพระที่นั่งเป็นประจำทุกปีมา
เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ทรงรับรัชทายาทเสด็จดำรงสิริราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่
๑๐ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์แล้ว
ในวาระแรกแห่งรัชกาลที่เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานประกาศนียบัตรและรางวัลแก่นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๐
ก็ได้พระราชทานพระมหากรุณาให้นักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยพลากร
สุวรรณรัฐ นายกกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัย
นำคณณะกรรมการอำนวยการ ครู
บุคลากรและนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายดอกไม้ธูปเทียนถวายตัว
และทูลเกล้าฯ
ถวายฉลองพระองค์ครุยพระบรมราชูปถัมภกวชิราวุธวิทยาลัยตามราชประเพณี
 |
กรรมการอำนวยการ ครูบุคลากร
และนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายตัวเป็นข้าราชบริพารตามราชประเพณี
ในวาระแรกที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ในวโรกาสทรงรับเป็นพระบรมราชูปภัมภกวชิราวุธวิทยาลัย
เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๐ |
การถวายตัวนี้เป็นโบราณราชประเพณี มีความหมายว่า
ผู้ที่ถวายตัวแล้วมีฐานะเป็น คนหลวง
หรือข้าราชบริพารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ซึ่งเมื่อถวายตัวแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวย่อมทรงพระมหากรุณาชุบเลี้ยงไปตลอดชีวิต
สำหรับบครูและบุคลากรวชิราวุธวิทยาลัยนั้นก็ได้รับพระราชทานเงินเลี้ยงชีพตามคุณวุฒิและความสามารถ
ส่วนนักเรียนทุกคนนั้นต่างก็ได้รับพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ในส่วนค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนเป็นส่วนเพิ่มเติมจากเงินที่ผู้ปกครองนักเรียนจ่ายเป็นค่าเล่าเรียนและค่าอาหารของนักเรียนตลอดเวลาที่เป็นนักเรียนในโรงเรียนในอัตราส่วนร้อยละ
๕๐ : ๕๐
นอกจากนั้นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีและการกีฬาเป็นเลิศยังได้รับพระราชทานรางวัลและทุนตามควรแก่ฐานานุรูป
ครั้นสำเร็จการศึกษาไปจากโรงเรียนแล้วยังได้พระราชทานพระมหากรุณาให้ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานประกาศนียบัตรโดยถ้วนทุกคน
ทั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งว่า
นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยล้วนได้เป็นผู้ที่ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยใกล้ชิดตลอดเวลาที่เป็นนักเรียน
แต่เมื่อจบออกไปจากโรงเรียนแล้วหากมิได้รับราชการก็จะมิได้มีโอกาสเฝ้าแหนเช่นเมื่อเป็นนักเรียนจึงได้พระราชทานพรวิเศษให้นักเรียนเก่าจากสถาบันการศึกษานี้เป็นผู้มีตำแหน่งเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสืบไปตราบชีวิตหาไม่