ต่อมาในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ พบหลักฐานว่า
พระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ อิศรเสนา)
ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยในเวลานั้นได้จัดให้นักเรียนคณะโตทั้ง
๔ คณะ คือ คณะผู้บังคับการ ดุสิต จิตรลดา และพญาไท
แข่งขันกีฬาระหว่างคณะ
โดยได้นำพระราชนิยมในการจัดแข่งขันฟุตบอลหน้าพระที่นั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมาใช้ในการขางขัน
โดยก่อนแข่งขันกำหนดให้นักกีฬาและกองเชียรที่คณะที่จะลงแข่งขันกันเดินแถวเข้าสู่สนามโดยร้องเพลง
จรรยานักกีฬา
 |
นักกีฬาคณะพญาไทพร้อมกองเชียร์เดินลงสนาม
พร้อมร้องเพลงจรรยานักกีฬา |
เพลงจรรยานักกีฬา
เป็นบทประพันธ์ของท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล
ที่ท่านผู้บังคับการพระยาภะรตราชาขอให้ท่านผู้หญิงแต่งเนื้อร้องให้
โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสอนนักกีฬาและกองเชียร์ให้เคารพในกฎกติกามารยาทของการแข่งขันด้วยน้ำใจสุจริต
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย [๑]
เนื้อร้องของบทเพลงนี้จึงมีดังนี้
เมื่อแมวหมาเล่นกีฬามันท้ากัด
จงใจฟัดเหวี่ยงปล้ำขม้ำหมาย
แต่พวกเรายุวชนคนผู้ชาย
กีฬารายรักเล่นให้เป็นคุณ
ไม่ทะเลาะแว้งแย่งชนะ
ไม่เกะกะกวนยั่งให้หัวหมุน
เพราะเรามัมารยาทชาติสกุล
ไม่หุนหันหยาบคายร้ายแรง
เมื่อแมวหมาเล่นกีฬามันท้ากัด
เพราะเป็นสัตว์ไร้คิดจิตจึงเขว
แต่คนดีมีใจไม่รวนเร
ย่อมฮาเฮเล่ยกีฬาประสามิตร |
ในสมัยที่ผู้เขียนเป็นนักเรียนเมื่อทั้งสองฝ่ายเดินลงสนาม
จะร้องเพลงจรรยานักกีฒาประกอบการเดิน
พอเดินไปได้เกือบสุดสนามเพิ่งร้องเพลงจบไปเพียงท่อนที่สอง
ก็เปล่งเสียง ชโย พร้อมกัน
แล้วนักกีฬาทั้งสองฝ่ายก็แยกไปอบอุ่นร่างกาย
ในขณะที่กองเชียร์ก็แยกย้ายกันเข้าประจำที่ที่ริมสนาม
ต่อมาในสมัยผู้บังคับการ ดร.สาโรจน์ ลีสวรรค์
ท่านปรารภให้ฟังว่า เพลงนี้ร้องกันไม่เคยจบสักที
ท่านเลยเปลี่ยนวิธีการก่อนแข่งขันให้นักกีฬาและกองเชียร์ทั้งสองฝ่ายมาตั้งแถวที่ริมสนามหน้าที่นั่งประธาน
แล้วให้ร้องเพลงจรรยานักกีฬาจนจบเพลง
แล้วจึงแยกย้ายกันไปอบอุ่นร่างกายและปนะจำที่ที่ริมขอบสนาม
เมื่ออบอุ่นร่างกายพร้อมแล้ว
ผู้ตัดสินเรียกนักกีฬาทั้งสองฝ่ายมาเข้าแถวที่หน้าที่นั่งประธาน
พร้อมกันคำนับประธานแล้ว
ต่างก็แยกย้ายลงประจำตำแหน่งในสนามและเริ่มการแข่งขัน
จบการแข่งขันแล้วผู้จัดสินเรียกนักกีฬาทั้งสองฝ่ายไปตั้งแถวที่หน้าที่นั่งประธาน
คำนับประธานอีกครั้ง แล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับคณะ
แต่ในวันแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนั้น
เมื่อจบการแข่งขันผู้ตัดสินและนักกีฬาไปตั้งแถวที่หน้าที่นั่งประธานแล้ว
กองเชียร์ทั้งสองฝ่ายพร้อมธงประจำคณะจะมาตั้งแถวอยูด้านหลังแถวนักกีฬาคณะของตน
กรรมการสมาคมกีฬาซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกกีฬาประเภทนั้นๆ
จะกล่าวรายงานผลการแข่งขันให้ประธานทราบและเชิญประธานมอบถ้วยรางวัลให้แก่หัวหน้าชุดที่ชนะการแข่งขันในวันนั้น
 |
คณะที่ได้รับโล่รางวัล
เปล่งชโยให้คณะคู่แข่งในการแข่งขันเทนนิสรอบชิงชนะเลิศ |
ครั้นรับมอบถ้วยรางวัลและกลับเข้าประจำแถวแล้ว
หัวหน้าชุดที่ชนะการแข่งขันจะเปล่งเสียงนำ ชโย
ให้แก่คณะที่เป็นคู่แข่งขัน
นักกีฬาและกองเชียร์คณะที่ชนะการแข่งขันจะพร้อมกันเปล่งเสียง
ชโย ให้แก่คณะคู่แข่งขัน ๓ ครั้ง
และอีกฝ่ายหนึ่งก็จะเปล่งชโยตอบรับ ๓ ครั้งเช่นกัน
จากนั้นคณะที่เป็น
 |
แห่ถ้วยไปรอบโรงเรียน |
ฝ่ายแพ้ก็จะแยกย้ายกันกลับไปคณะของตน
ส่วนคณะที่ชนะการแข่งขันในวันนั้นก็จะตั้งแถวเดินแห่ถ้วยไปรอบโรงเรียน
เวลาเดินผ่านคณะไหน
ผู้เป็นหัวหน้าชุดก็จะนำเปล่งเสียงชโยให้แก่คณะนั้น
๓ ครั้ง
นักเรียนที่อยู่ในคณะก็จะพร้อมกันเปล่งเสียงชโยแสดงความยินดีแก่ผู้ชนะ
 |
หัวหน้าคณะที่ชนะเลิศการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ
สวมชุดสามารถกีฬาของโรงเรียน
เข้ารับพระราชทานถ้วยรางวัล แล้วตั้งแถวรอส่งเสด็จ
ในงานพระราชทานประกาศนียบัตรและรางวัลประจำปี |
เมื่อใกล้จะจบปีการศึกษาโรงเรียนได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานประกาศนียบัตรและรางวัล
ทอดพระเนตรผลงานและการกรีฑาของนักเรียนแล้ว
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้หัวหน้าคณะที่ชนะเลิศการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ
ในปีที่ผ่านมา
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานถ้วยรางวัล
แล้วไปตั้งแถวรอส่งเสด็จที่หน้าพลับพลาที่ประทับ
 |
ระเบียงหน้าคณะผู้บังคับการ มีโล่กีฬาประเภทต่างๆ
ประดับที่ผนัง |
อนึ่ง
เมื่อเปิดปีการศึกษาถัดมาจะมีการมอบโล่พื้น
เป็นสีคณะ
จารึกชื่อนักกีฬาที่ชนะเลิศการแข่งขันกีฬาชนิดนั้นๆ
ไปประดับเป็นเกียรติยศที่ระเบียงหน้าคณะ
การจารึกชื่อบนโล่กีฬานี้เรียกกันติกปากว่า
ติดโล่ มาจนถึงทุกวันนี้