รับ - ส่ง เสด็จ
ประเพณีสำคัญของยักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยที่ปฏิบัติสืบเนื่องมาแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
คือการไปรับ - ส่งเสด็จในโอกาสต่างๆ
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่นักเรียนมหาดเล็กหลวงประดุจบิดากับบุตร
ดังที่ทรงกล่าวไว้ในพระราชดำรัสตอบในงานฉัตรมงคลของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ ๑๒
พฤศจิดายน พ.ศ. ๒๔๕๖ ตอนหนึ่งว่า
เจ้าเหล้านี้ข้าถือเหมือนลูกของข้า ส่วนตัวเจ้า
เจ้าก็ต้องรู้สึกว่าข้าเป็นพ่อเจ้า
ธรรมดาพ่อกับลูก พ่อย่อมอยากให้ลูกดีเสมอ
ถ้าลูกประประพฤติตัวดีสมใจพ่อ พ่อก็มีใจยินดี
ถ้าลูกเหลวไหลประพฤติแต่ความเสื่อมเสีย
พ่อก็โทมนัส
ลูกคนใดประพฤติตนเลวทรามต่ำช้าเป็นเหตุให้พ่อได้ความโทมนัส
ลูกคนนั้นเป็นลูกเนรคุณพ่อ |
 |
นายกองใหญ่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
นายกเสือป่า
ประทับฉายพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมด้วยลูกเสือหลวง
นักเรียนหาดเล็กหลวง
และข้าราชบริพารฝ่ายทหารพลเรือน
ที่เชิงบันไดนาคมณฑปพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ |
อนึ่ง
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริในเรื่องการจัดการศึกษามาแต่แรกโปรดเกล้าฯ
สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นแทนพระอารามหลวงประจำรัชกาลว่า
ฃ้าไม่เห็นด้วยในการที่คนรุ้นใหม่จะมุ่งแต่เปนเสมียนอย่างเดียว
เพราะฉนั้นจึ่งอยากให้การศึกษาของเด็กเปนไปในทางอื่นๆ
นอกจากการเรียนหนังสืออย่างเดียว [๑]
ฉะนั้นในการจัดการศึกษาในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
นอกจากจะโปรดเกล้าฯ
ให้นักเรียนได้เล่าเรียนในห้องเรียนเช่นนักเรียนโรงเรียนอื่นๆ
ทั่วไปแล้ว ยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้นักเรียนได้ตามเสด็จไปในที่ต่างๆ
ด้วยมีพระราชประสงค์
จะให้เด็กได้มีโอกาศรู้จักคุ้นเคยเฃ้าเจ้าเฃ้านายได้แต่เด็กอย่าง
๑ ประสงค์จะได้เฃ้าที่สมาคมอันดี
เพื่อจะได้เปนประโยชน์แก่ตัวเด็กต่อไปภายน่าอย่าง
๑, ประสงค์ให้ได้เห็นเมืองไทยนอกจากบางกอก
จะได้ไม่หลงไปว่าเมืองไทยหมดอยู่เพียงบางกอก
ซึ่งจะทำให้คนกลายเปนกบอยู่ใต้กลาครอบอย่าง ๑
ฃ้ามีความประสงค์อยู่เช่นนี้เปนที่ตั้ง
จึ่งได้ให้ยักเรียนของฃ้าตามเสด็จ
โดยความเชื่ออยู่ในใจว่าจะเปนประโยชน์แก่ตัวเด็ก
และจะนับเนื่องเฃ้าในการศึกษาของเด็กส่วน ๑ ก็ได้
[๒] |
นอกจากการตามเสด็จไปในสถานที่ต่างๆ แล้ว
ยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้นัก้รียนมหาดเล็กหลวงไปรับและส่งเสด็จในโอกาสต่างๆ
เช่น ไปรับและส่งเสด็จในเวลาเสด็จออกขุนนาง ณ
พระที่นั่งอภิเศกดุสิต
ในทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี
หรือในโอกาสเสด็จไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในหัวเมืองที่มิได้โปรดเกล้าฯ
ให้นักเรียนตามเสด็จไปด้วย ก็จะโปรดเกล้าฯ
ให้นักเรียนไปรับและส่งเสด็จเป็นประจำทุกคราว
การไปรับและส่งเสด็จนี้
นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวงหลายท่านเล่าไว้ตรงกันว่า
ทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างมากที่ได้ทอดพระเนตรเห็น
เด็กในหลวง
และจะทรงแย้มพระสรวลแสดงความพอพระราชหฤทัยให้ทุกครั้ง
และแม้นักเรียนจะเล่าเรียนจบไปจากโรงเรียนแล้ว
ก็ยังพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้ที่ได้ชื่อว่านักเรียนเก่าของโรงเรียนนี้
ให้ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตามควรแก่โอกาส
แม้ผู้นั้นจะมิได้มีตำแหน่งเฝ้าเพราะมิได้เป็นข้าราชการ
ก็ยังโปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นักเรียนเก่าที่มิได้รับราชการนั้นแต่งเครื่องยศมหาดเล็กชั้นมหาดเล็กวิเศษ
เพื่อจะได้เป็นผู้มีตำแหน่งเฝ้าได้เป็นพิเศษ
 |
แถวนักเรียนและลูกเสือวชิราวุธวิทยาลัยในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร
เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ |
นอกจากนั้นยังได้มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งไว้ในพระราชพินัยกรรมว่าด้วยจัดการพระบรมศพฉบับลงวันที่
๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๓
ให้นักเรียนโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์และลูกเสือได้ร่วมในกระบวนแห่พระบรมศพจากวัดพระเชตุพนไปยังพระเมรุมาศท้องสนามหลวง
นับแต่นั้นมาจึงเป็นธรรมเนียมที่นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยต้องเข้าร่วมในกระบวนแห่พระบรมศพและพระศพในการพระเมรุท้องสนามหลวงตลอดมาถึงปัจจุบัน
ในรัชกาลต่อๆ
มา
นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยก็ยังคงไปรับและส่งเสด็จในโอกาสต่างๆ
เป็นประเพณีปฏิบัติต่อมา เช่น
เมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระปหเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปรักษาพระองค์ที่ประเทศอังกฤษ
เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๖
ซึ่งเป็นการเสด็จพระราชดำเนินออกจากประเทศไทยเป็นครั้งสุดท้ายนั้น
นักเรียนเก่าอาวุโสหลายท่านเล่าไว้ตรงกันว่า
คณะครูและนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยได้ไปตั้งแถวส่งเสด็จที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
โดยยืนต่อจากแถวทหารรักษาวัง ว.ป.ร.
ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์มาตั้งแต่เปลี่ยนการปกครองเมื่อวันที่
๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
ประทับรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่านแถวคณะครูและนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยนั้น
หม่อมเจ้าพิริยดิศ ดิศกุล
และนักเรียนเก่าอาวุโสอีกหลายท่านเล่าไว้ตรงกันว่า
ล้นเกล้าฯ
ทรงชะโงกพระพักตร์ออกมานอกหน้าต่างรถยนต์พระที่นั่ง
ทรงโบกพระหัตถ์ลานักรียนด้วยพระพักตร์ที่เศร้าหมองมีน้ำพระเนตรไหลนองพระพักตร์
คณะครูและนักเรียนที่ไปเฝ้าส่งเสด็จในวันนั้นต่างก็รู้สึกกันว่า
คงจะไม่ได้เฝ้าทูลละอองธุลี-พระบาทอีกต่อไปแล้ว
แล้วความรู้สึกนั้นก็เป็นความจริงในเวลาต่อมาด้วยมีประกาศจากรัฐบาลว่า
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสละราชสมบัติแล้วเมื่อวันที่
๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
พระอัฐมรามาธิบดินทร์นั้น
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังประทับทรงศึกษาวิชาการอยู่ที่ต่างประเทศ
แม้จะเสด็จนิวัติพระนครเป็นครั้งคราว
แต่ด้วยทรงมีพระราชภารกิจที่ต้องทรงปฏิบัติมาก
ประกอบกับสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานั้นไม่เอื้ออำนวย
นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยจึงไม่มีโอกาสได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเช่นในรัชกาลก่อน
จนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร
ทรงสำเร็จการศึกษาและเสด็จนิวัติพระนครเป็นการถาวรแล้ว
ได้เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานประกาศนียบัตรและรางวัลแก่นักเรียนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่
๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๕ แล้ว
จากนั้นก็ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่โรงเรียนตามคำกราบบังคมทูลเชิญเพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
และพระราชทานประกาศนียบัตรและรางวัล
ทอดพระเนตรผลงานรวมทั้งการกรีฑาของนักเรียนเป็นประจำทุกปีแล้ว
ในเวลาที่ว่างจากพระราชกรณียกิจก็ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์มาทรงซ้อมดนตรีและทอดพระเนตรนักเรียนแข่งขันกีฬาระหว่างคณะ
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานแก่นักเรียนอยู่เป็นนิจ
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิรู้เสื่อมคลาย
ยามที่เสด็จพระราชดำเนินไปหรือกลับจากต่างประเทศหรือเสด็จไปทรงเยี่ยมราษฎรในต่างจังหวัด
คณะครูและนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยจึงถือเป็นหน้าที่ต้องไปรับและส่งเสด็จเป็นประจำเฉกเช่นที่เคยปฏิบัติมาในรัชกาลก่อนๆ
นอกจากนั้นเมื่อมีพระราชอาคันตุกะเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรี
นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยก็ได้ไปรายทางรอรับและส่งเสด็จอยู่มิได้ขาด
 |
นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ในวาระแรกที่ทรงรับรัชทายาทเสด็จดำรงสิริราชสมบัติ
เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ |
ล่วงมาถึงรัชกาลปัจจุบัน
เมื่อทรงรับสิริราชสมบัติเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
๑๐ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๖๑ แล้ว รุ่งขึ้นวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๑
คณะครูและนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยก็ได้รายทางรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรกที่ริมถนนราชดำเนินอกตามประเพณีด้วย