บทความปัจจุบัน
|
บทความย้อนหลัง
:
ตอนที่
๑ - ๒๐ |
๒๑ - ๔๐
|
๔๑ - ๖๐
|
๖๑ -
๘๐
|
๘๑ -
๑๐๐
|
๑๐๑ -
๑๒๐
| ๑๒๑
-
๑๔๐
| |
|
๑๔๑ -
๑๕๙
| |
| ๑ |
๒
| ๓
| ๔
| ๕
| ๖
| ๗
| ๘
| ๙
| ๑๐
| ถัดไป | |
|
๔.
กองลูกเสือหลวง
(รักษาพระองค์) ๒ |
|
 |
นักเรียนมหาดเล็กหลวงชัพน์ บุนนาค
ลูกเสือสยามคนแรก
แต่งเครื่องแบบลูกเสือหลวง |
|
|
เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศใช้ข้อบังคับลักษณปกครองลูกเสือนั้นแล้ว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวคงจะมีพระราชประสงค์ที่จะทอดพระเนตรเครื่องแบบลูกเสือที่ทรงกำหนดไว้ในข้อบังคับลักษณปกครองลูกเสือนั้น
จึงได้มีพระราชดำรัสสั่งไปยังโรงเรียนมหาดเล็กหลวงให้จัดนักเรียนคนหนึ่งแต่งเครื่องแบบลูกเสือไปถวายทอดพระเนตร
ซึ่งนักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวง นายลิขิตสารสนอง (ชัพน์
บุนนาค) ผู้เป็นมหาดเล็กข้าหลวงเดิม
หรือผู้ที่ได้ถวายตัวมาแต่ก่อนเสด็จเสวยราชย์
และในเวลานั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เป็นนักเรียนหลวงมาศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงได้เล่าถึงเหตุการณ์ในคราวนั้นไว้ว่า
เมื่อโรงเรียนได้ออกใบสั่งให้นำไปตัดเครื่องแบบที่ร้านวิวิธภูษาคาร
ถนนเฟื่องนคร และตัดรองเท้าที่ร้านเซ่งชง ถนนเจริญกรุง
พร้อมกับฝึกซ้อมท่าทางการถวายเคารพแบบทหารและท่องคำสาบาลของลูกเสือ
๓ ข้อนั้นแล้ว
พอถึงวันจันทร์ที่ ๑๐ กรกฎาคม
พ.ศ. ๒๔๕๔
เป็นวันที่เสด็จออกขุนนางที่พระที่นั่งอภิเษกดุสิต
ในวันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถาน
ในพระราชวังดุสิต หลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์
[
๑
]
ได้นำตัว น.ร.ม.ชัพน์
ไปเฝ้าคอยรับเสด็จที่ท้องพระโรงพระที่นั่งอัมพรสถาน
เวลา ๑๖.๓๐ น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงจากอัฒจันทร์ชั้นบนลงมาที่ท้องพระโรง
หลวงอภิรักษ์ฯ [
๒
]
จึงทูลเบิกตัว น.ร.ม.ชัพน์ บุนนาค
ที่ได้นำตัวอย่างที่แต่งเครื่องแบบลูกเสือมาถวายทอดพระเนตรตามพระราชประสงค์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าไปใกล้
ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปเปิดหมวกที่บังหน้า
น.ร.ม.ชพน์ อยู่ ทรงทักว่า อ้ายชัพน์ดอกหรือ
เมื่อทอดพระเนตรเครื่องแบบลูกเสืออยู่อย่างถี่ถ้วนเพื่อที่จะให้เป็นที่แน่พระราชหฤทัยแล้วจึงรับสั่งถามนายจ่ายง
(ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ
ภายหลังเป็นเจ้าพระยารามราฆพ) ว่า เฟื้อ
เครื่องแบบนี้ดีหรือยัง
นายจ่ายงกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าเห็นว่าดีแล้ว
ถ้าต่อไปภายหน้าจะมีอะไรทีไม่เหมาะสม
ก็ยังจะมีโอกาสแก้ไขต่อไปได้
ต่อไปจึงมีพระราชดำรัสถาม น.ร.ม.ชัพน์ว่า
เองท่องคำสาบาลของลูกเสือได้หรือเปล่า
เรื่องนี้ครูได้สอนนักเรียนในโรงเรียนมหาดเล็กหลวงไว้ก่อนแล้วเมื่อรู้ตัวว่าให้ตั้งกองลูกเสือขึ้นมา
ฉะนั้น น.ร.ม.ชัพน์
จึงยืดตัวตรงยกมือแตะหมวกในท่าวันทยะหัตถ์
กราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าได้ท่องมาแล้ว
และลงมือกล่าวคำสาบาล คือ
|
๑) |
|
ข้าจะมีใจจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว |
๒) |
|
ข้าจะตั้งใจประพฤติตนให้สมควรเป็นลูกผู้ชาย |
๓) |
|
ข้าจะประพฤติตนตามข้อบังคับและแบบแผนลูกเสือ |
๑) |
|
ข้าจะมีใจจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว |
|
พอ น.ร.ม.ชัพน์ กล่าวคำสาบาลจบ
ก็มีพระกระแสรับสั่งต่อไปว่า ในหน้าที่ซึ่งข้าได้เปนผู้ประสิทธิ์ประสาทลูกเสือของชาติขึ้นมา
ข้าขอให้เจ้าเปนลูกเสือคนแรกของประเทศสยาม
[
๓
] |
|
 |
กองลูกเสือหลวง (รักษาพระองค์)
ที่หน้าท้องพระโรง วังวรดิศ
ในวันที่นำกองลูกเสือมณฑลพิษณุโลกที่ลมาทำพิธีเข้าประจำกองไปทัศนศึกษาที่วังวรดิศ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๖
(ยืนกลางจากซ้าย) นายกองตรี
พระอภิรักษ์ราชฤทธิ์ (ศร ศรเกตุ)
ผู้บังคับกองร้อยที่ ๓ (ลูกเสือหลวง)
กรมเสือป่าหลวงรักษาพระองค์
นายหมู่โท พระยาไพศาลศิลปสาตร์ (สนั่น
เทพหัสดิน ณ อยุธยา)
ผู้ช่วยผู้ตรวจการใหญ่ลูกเสือ
และกรรมการจัดการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
นายหมู่เอก หลวงอภิบาลบุริมศักดิ์ (ม.ล.ทศทิศ
อิศรเสนา) ผู้บังคับหมวดกองร้อยที่ ๓ (ลูกเสือหลวง)
กรมเสือป่าหลวงรักษาพระองค์
|
เมื่อกองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ ๑
ได้จัดการฝึกหัดและสอบไล่ความรู้และความสามารถชั้นต้นตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับลักษณปกครองลูกเสือ
ข้อ ๓๓ แล้ว ก็ได้โปรดเกล้าฯ
ให้กองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ ๑ (มหาดเล็กหลวง)
ทำพิธีเข้าประจำกองเฉพาะพระพักตร์เป็นกองลูกเสือกองแรกของประเทศสยามที่สนามสโมสรเสือป่า
พระราชวังดุสิต เมื่อวันเสาร์ที่ ๒ กันยายน พ.ศ.
๒๔๕๔
ผู้กำกับได้ฝึกหัดลูกเสือถวายตัว
แลได้มีการสอบซ้อมวิชาลูกเสือตามแบบซึ่งได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้สำหรับสั่งสอนเสือป่าแลลูกเสือ
[
๔
]
แล้ว
ในวันเดียวกันนั้นได้พระราชทานนามกองลูกเสือกรุงเทพฯ
ที่ ๑ (มหาดเล็กหลวง)
ซึ่งเป็นกองเริ่มแรกที่ได้ตั้งขึ้นนั้นว่า
กองลูกเสือหลวง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้กองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ ๑ (ลูกเสือหลวง)
รวมการปกครองอยู่ในกองร้อยหลวง หรือกองร้อยที่ ๑
กรมเสือป่าหลวงรักษาพระองค์ซึ่งทรงบังคับบัญชาด้วยพระองค์เองมาแต่แรกตั้งกอง
และต่อมาในการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาพิเศษกองเสือป่ามณฑลนครไชยศรี
ณ โรงโขนหลวงพระราชวังสนามจันทร์ เมื่อวันเสาร์ที่
๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๔ ก็ได้โปรดเกล้าฯ
พระราชทานธงพื้นดำลายกลางเป็นรูปพระมนูแถลงสารให้เป็นธงประจำกองลูกเสือหลวง
เป็นกองลูกเสือกองแรกและกองเดียวที่ได้รับพระราชทานธงประจำกอง
ในการฝึกอบรมลูกเสือในกองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ ๑ (ลูกเสือหลวง)
นั้น นอกจากจะโปรดเกล้าฯ
ให้รับการฝึกหัดและสอบไล่เป็นลูกเสือโทและลูกเสือเอกตามที่กำหนดไว้ในแบบสั่งสอนเสือป่าและลูกเสือ
จนได้โปรดเกล้าฯ
ให้กระทำพิธีเลื่อนชั้นเป็นลูกเสือโทเมื่อวันที่ ๓
สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๕
และเลื่อนเป็นลูกเสือเอกเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน
พ.ศ. ๒๔๕๗ แล้ว และโดยที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้กองลูกเสือหลวงรวมการปกครองอยู่ในกองร้อยหลวง
กรมเสือป่าหลวงรักษาพระองค์
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กองลูกเสือหลวง (รักษาพระองค์)
ได้รับการฝึกหัดวิชาของเสือป่าเพิ่มเติมเป็นพิเศษ
ดังมีความปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันประจำวันที่
๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๕ ว่า
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ
เสด็จออกทอดพระเนตรเสือป่ากองร้อยหลวงแลลูกเสือหลวง
ฝึกหัดขุดสนามเพลาะที่สนามหญ้าน่าพระที่นั่งพิมานปฐม
เวลาจวนยามเสด็จขึ้น
เสวยแล้วเสด็จลงประทับอยู่จนเวลา ๘ ทุ่ม เสด็จขึ้น
[
๕
]
นอกจากนั้นกองลูกเสือหลวงยังได้ทำหน้าที่เป็นกองรักษาพระองค์เช่นเดียวกับกองร้อยหลวง
และกองร้อยที่ ๒ กรมเสือป่าหลวงรักษาพระองค์
ซึ่งนอกจากจะได้เข้าเวรประจำซองถวายอารักขาในฐานะเป็นกองรักษาพระองค์
และแซงเสด็จแทนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในบางเวลามาตั้งแต่คราวเสด็จพระราชดำเนินไปประทับแรม
ณ พระราชวังสนามจันทร์เมื่อวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ.
๒๔๕๔ ฉะนั้นเพื่อให้เป็นที่สังเกตว่า
กองลูกเสือหลวงนั้นเป็นกองรักษาพระองค์
มีหน้าที่แตกต่างจากลูกเสือทั่วไป
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ลูกเสือหลวงใช้เครื่องแต่งกายโดยอนุโลมตามเครื่องแต่งกายของสมาชิกเสือป่าในกรมเสือป่าหลวงรักษาพระองค์
คือ
เปลี่ยนผ้าพันหมวกจากสีประจำมณฑลเป็นผ้าลายเสือ
มีสาบเหลืองบุที่ใต้ปีกหมวก
มีดอกไม้แพรจีบสีเหลืองสลับดำติดทับที่ขวาหมวกกับมีขนนกขาวปัก
อินทรธนูเป็นไหมเกลียวสีแดง
กองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ ๑ (ลูกเสือหลวง)
คงรวมการปกครองอยู่ในกองร้อยหลวง
กรมเสือป่าหลวงรักษาพระองค์มาจนถึงพ.ศ. ๒๔๕๕
เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ขยายอัตรากำลังของกรมเสือป่าหลวงเป็น กรมเสือป้าราบหลวงรักษาพระองค์
จัดอัตราเป็น ๒ กองพันแล้ว จึงได้โปรดเกล้าฯ
ให้แยกกองลูกเสือหลวงออกไปเป็นกองร้อยที่ ๓
แต่ให้คงสังกัดอยู่ในกองพันที่ ๑
ร่วมกับกองร้อยหลวง ส่วนกองร้อยที่ ๒
และกองร้อยที่ ๔ นั้นโปรดเกล้าฯ
ให้จัดเป็นกองพันที่ ๒
|
 |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับฉายพระบรมฉายาลักษณ์
พร้อมด้วยนายเสือป่าและนักเรียนเสือป่ากองร้อยที่
๑ (มหาดเล็กหลวง)
ที่หน้าพลับพลาค่ายหลวงบ้านโป่ง
เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.
๒๔๕๗
(แถวนั่งเก้าอี้จากซ้าย) ๑. นายกองเอก
หม่อมเจ้าปิยบุตร จักรพันธุ์
ผู้บังคับการกรมเสือป่าราบหลวงรักษาพระองค์
๒. นายกองใหญ่
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
นายกเสือป่าและผู้บัญชาการกองพลหลวงรักษาพระองค์
๓. นายกองเอก พระยาประสิทธิ์ศุภการ (ม.ล.เฟื้อ
พึ่งบุญ)
รองผู้บัญชาการกกองพลหลวงรักษาพระองค์
๔. นายกองตรี พระอภิรักษ์ราชฤทธิ์ (ศร
ศรเกตุ)
ผู้บังคับการกรมนักเรียนเสือป่าหลวง |
|
|
ต่อมาวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๗
ทรงพระราชดำริว่า "กองลูกเสือหลวง
(รักษาพระองค์)
ซึ่งตามที่ได้รวมการปกครองขึ้นอยู่ในกรมเสือป่าราบหลวง
(รักษาพระองค์) นั้น ยังไม่สะดวกแก่ระเบียบการ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการปกครองขึ้นใหม่
ให้แยกกองลูกเสือหลวง (รักษาพระองค์)
นั้นไปเปนกองร้อยอิศระขึ้นตรงต่อเสนาธิการกองพลหลวง (รักษาพระองค์)
[
๖
]
ถัดมาอีกเพียงเดือนเศษในระหว่างการซ้อมรบเสือป่าประจำปี
ก็ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ยกกองลูกเสือหลวงขึ้นเป็น
กรมนักเรียนเสือป่าหลวง
ดังมีความละเอียดปรากฏในคำสั่งกรมบัญชาการเสือป่า
ดังนี้
|
|
คำสั่งที่
๕/๒๔๕๗
กรมบัญชาการเสือป่า
วันที่ ๒๖ มกราคม
พระพุทธศักราช ๒๔๕๗
ด้วยตามระเบียบการปกครองลูกเสือที่เปนมาแล้ว
กองลูกเสือหลวงรักษาพระองค์เปนกองที่
๑
และกองลูกเสือโรงเรียนราชวิทยาลัยเปนกองที่
๒ อยู่ในคณะลูกเสือมณฑลกรุงเทพฯ
แต่โดยปรกติที่เปนมานั้นกองลูกเสือหลวงไม่ใคร่จะได้ติดต่อกับสภากรรมการลูกเสือมณฑลกรุงเทพฯ
และทั้งการฝึกหัดสั่งสอนและการซ้อมวิธียุทธเปนต้น
กองนี้ได้ทำการติดต่อกับกองพลหลวงรักษาพระองค์
และได้อยู่ในความตรวจตราของนายกเสือป่าเองตลอดมา
ส่วนกองลูกเสือโรงเรียนราชวิทยาลัยก็ได้มาสมทบฝึกหัดและรับคำสั่งสอนอยู่เช่นเดียวกับกองลูกเสือหลวงตั้งแต่ต้นศก
๒๔๕๗ นี้แล้ว
เพราะฉนั้นการที่จะให้กองลูกเสือทั้งสองนี้คงอยู่ในความปกครองของสภากรรมการจัดการลูกเสือมณฑลกรุงเทพฯ
ต่อไป ก็จะไม่เปนระเบียบเรียบร้อย
เปนการก้าวก่ายอยู่ทำให้เปนการลำบากทั้งสองฝ่าย
อนึ่งกองทหารกระบี่หลวงรักษาพระองค์
ตามระเบียบการที่ได้เปนมาแล้ว
ได้จัดเปนกองร้อย ๑ในกรมราบหลวงรักษาพระองค์
แต่สมาชิกกองทหารกระบี่มีจำนวนมาก
และมีอายุเปนหลายชั้นไม่เปนการสะดวก
สมควรที่จะแบ่งเสียเปนสองพวกทีเดียว
ให้ชั้นใหญ่คงอยู่ในกรมราบหลวงตามเดิม
แยกทหารกระบี่ชั้นเล็กออกต่างหาก
ตั้งขึ้นเปนกองนักเรียนอีกกองหนึ่ง
ได้ทดรองแล้วในคราวฝึกหัดเดินทางไกลศกนี้เปนการสะดวกดี
เพราะฉนั้นให้จัดระเบียบการปกครองเสียใหม่
คือ ให้ตั้งกรมนักเรียนเสือป่าขึ้นกรม
๑ ขนานนามว่า กรมนักเรียนเสือป่าหลวง
ให้อยู่ในความบังคับบัญชาเสนาธิการเสือป่า
และให้เสนาธิการเสือป่ามีหน้าที่เปนผู้อำนวยการฝึกหัดสั่งสอนในกรมนักเรียนเสือป่าหลวงตามระเบียบเช่นเดียวกันกับเจ้ากรมยุทธศึกษาของกรมเสนาธิการทหารบกฉนั้น
และรวมการปกครองขึ้นตรงต่อนายกเสือป่า
ในกรมนักเรียนเสือป่าหลวงนี้ให้จัดเปน
๓ กองร้อย คือ
๑.
กองนักเรียนเสือป่ามหาดเล็กหลวง
ตั้งกองอยู่ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
สวนดุสิต
๒. กองนักเรียนเสือป่าราชวิทยาลัย
ตั้งกองอยู่ที่โรงเรียนราชวิทยาลัย
ตำบลบางขวาง (เมืองนนทบุรี)
๓. กองนักเรียนทหารกระบี่
[
๗
]
ตั้งกองอยู่ที่โรงเรียนทหารกระบี่
สวนมิสกวัน
อนึ่งให้ย้ายนายเสือป่าเข้าประจำรับราชการในกรมนักเรียนเสือป่าหลวงรักษาพระองค์
ดังต่อไปนี้
|
|
|
|
 |
นายกองโท
พระยาบริหารราชมานพ (ศร ศรเกตุ)
ผู้บังคับการกรมนักเรียนเสือป่าหลวง |
|
|
๑. นายกองตรี
พระอภิรักษ์ราชฤทธิ์
[
๘
]
เปนผู้บังคับการกรมนักเรียนเสือป่าหลวงรักษาพระองค์
๒. นายหมู่เอก ขุนจรัสอักษรกูล
[
๙
]
เปนผู้รั้งตำแหน่งปลัดกรมนักเรียนเสือป่าหลวงรักษาพระองค์
๓. นายหมวดโท
หลวงอภิบาลบุริมศักดิ์
[
๑๐
]
เปนผู้บังคับกองนักเรียนเสือป่ามหาดเล็กหลวง
๔. ว่าที่นายหมวดตรี สุดใจ
[
๑๑
]
เปนผู้บังกองนักเรียนเสือป่าราชวิทยาลัย
๕. นายหมวดตรี หลวงศรีนัจวิไสย
[
๑๒
]
เปนผู้บังคับกองนักเรียนทหารกระบี่
ทั้งนี้ให้เปนไปตั้งแต่บัดนี้เปนต้นไป
นายกองใหญ่ (พระบรมนามาภิไธย)
วชิราวุธ
นายกเสือป่า [
๑๓
]
|
|
|
|
 |
(ยังมีต่อ)
|
|
|
[
๑ ]
นามเดิม ศร ศรเกตุ
เวลานั้นยังเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ฝ่ายปกครอง
โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
พระยาบริหารราชมานพ
ผู้บังคับการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
แล้วเลื่อนเป็นเจ้ากรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์
[
๒ ]
หลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์ (ศร ศรเกตุ)
ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ฝ่ายปกครองโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
พระยาบริหารราชมานพ
[
๓ ]
จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช).
เสือป่าและลูกเสือในประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตอน ๑, หน้า ๒๒๐ ๒๒๑.
[
๔ ]
จดหมายเหตุเสือป่า เล่ม ๑ ฉบับ ๕ (กันยายน
๑๓๐), หน้า ๓๔๗.
[
๕ ]
หอวชิราวุธานุสรณ์.
จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
(๑ มกราคม ๑๓๑ -
๓๑ ธันวาคม ๒๔๕๖), หน้า ๓๑.
[
๖ ]
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ บ.๑๖/๔๑ เรื่อง
แยกลูกเสือกองหลวง (ร.อ.) เป็นกองอิสระ (๘
ธันวาคม ๒๔๕๗)
[
๗ ]
ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามเป็น
กองนักเรียนพรานหลวง
ตามนามโรงเรียนที่โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนเป็น
โรงเรียนพรานหลวง
[
๘ ]
นามเดิม ศร ศรเกตุ
ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
พระยาบริหารราชมานพ
[
๙ ]
นามเดิม ม.ล.จรัส อิศรางกูร
ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
หลวงจรัสอักษรกูล
[
๑๐
] นามเดิม ม.ล.ทศทิศ
อิศรเสนา ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
พระยาภะรตราชา
[
๑๑
]
นามเดิม สุดใจ สันธิโยธิน
ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
พระภักดีบรมนาถ
[
๑๒
] นามเดิม สอน ลักษมณะนัฏ
[
๑๓
] เรื่องเดียวกัน.
|