บทความปัจจุบัน
|
บทความย้อนหลัง
:
ตอนที่
๑ - ๒๐ |
๒๑ - ๔๐
|
๔๑ - ๖๐
|
๖๑ -
๘๐
|
๘๑ -
๑๐๐
|
๑๐๑ -
๑๒๐
| ๑๒๑
-
๑๔๐
| |
|
๑๔๑ -
๑๕๙
| |
| ๑ |
๒
| ๓
| ๔
| ๕
| ๖
| ๗
| ๘
| ๙
| ๑๐
| ถัดไป | |
|
๖.
โรงเรียนที่สวนกระจัง |
|
เมื่อเลือกได้ที่ดินที่สวนกระจังเพื่อเป็นที่ตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวงแล้ว
พระยาไพศาลศิลปสาตร (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)
กรรมการจัดการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงได้หารือกับนายเอดเวิร์ด
ฮัลี่
อาจารย์โรงเรียนช่างของสามัคยาจารย์ซึ่งพื้นเพเดิมเป็นสถาปนิกมาจากอังกฤษ
และได้ร่วมกันวางผังโรงเรียน
โดยกำหนดให้มีหอสวดหรือหอประชุมของโรงเรียนไว้ที่กึ่งกลางโรงเรียนเช่นเดียวกับ
Church ของ Public School ในอังกฤษ
 |
พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ ไกรฤกษ์) |
|
|
เนื่องจากโรงเรียนมหาดเล็กหลวงนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้นแทนพระอารามหลวงประจำรัชกาล
ฉะนั้นในการวางผังโรงเรียน
พระยาไพศาลศิลปสาตรจึงได้กำหนดให้หอสวดที่จะสร้างขึ้นนั้นหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทางแนวคลองเปรมประชากร
ตามคติความเชื่อของการสร้างพระอุโบสถในพระบวรพุทธศาสนา
ส่วนตึกครูและนักเรียนที่เรียกกันในปัจจุบันว่า
ตึกคณะ นั้น
กำหนดให้สร้างขึ้นไว้ที่สี่มุมโรงเรียน
พร้อมกันนั้นก็ได้ขอต้นมะฮอกกานีที่พระยาบุรุษณัตนราชพัลลภได้เพาะชำไว้โดยพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว
มาปลูกเป็นแนวที่สองข้างถนนที่ขนานกันไปกับคลองเปรมประชากร
ที่กำหนดให้เป็นถนนหน้าโรงเรียน
จากนั้นพระยาไพศาลศิลปสาตรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตปลูกสร้างโรงเรียนชั่วคราวขึ้นก่อนในพื้นที่สวนกระจัง
เพื่อจะย้ายนักเรียนจากโรงเรียนราชกุมารเก่าในพระบรมมหาราชวังมาเปิดสอนที่สวนกระจังต่อไปนั้น
เมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว
ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้หลวงสิทธิ นายเวร (น้อย ศิลปี)
[
๑
]
โยธาวังเป็นแม่กองจัดการก่อสร้างโรงเรียนชั่วคราวขึ้นที่ด้านทิศใต้ของสถานที่ที่กะไว้เป็นที่ก่อสร้างหอสวดที่สวนกระจัง
โดยเรือนไม้ที่ปลูกสร้างเป็นโรงเรียนชั่วคราวนั้น
มีลักษณะเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง
มุงหลังคาจากหลายหลัง
จัดเป็นหมู่เรือนหมู่ใหญ่กินพื้นที่ตั้งแต่มุมคณะจิตรลดาด้านทิศตะวันตกในปัจจุบันยาวไปจนถึงริมสระน้ำตรงบริเวณโรงสควอช
|
 |
ผังแสดงที่ตั้งโรงเรียนชั่วคราวที่สวนกระจัง |
|
|
โรงเรียนชั่วคราวที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นนั้น
นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวง จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม
สุนทรเวช) และจมื่นมานิตย์นเรศ (เฉลิม เศวตนันทน์)
ได้กล่าวไว้ตรงกันว่า
หมู่เรือนที่เป็นโรงเรียนชั่วคราวนั้น
เป็นอาคารหลังคาจาก
แบ่งเป็นห้องเรียนอยู่กลุ่มหนึ่งที่สองฝั่งของสนามรูปไข่ทางตอนหน้า
ถัดเข้ามาตอนในของสนามรูปไข่เป็นที่ตั้งหอประชุมของโรงเรียนที่มีลักษณะเป็นเรือนไม้ทาสีเขียวตั้งอยู่ระหว่างห้องเรียนทั้งสองฝั่ง
ต่อจากหมู่เรือนที่เป็นหอประชุมและห้องเรียนไปทางทิศตะวันตก
เป็นเรือนไม้ทาสีขาวสลับชมพูสลับกันจัดเป็นเรือนนอนนักเรียนพร้อมที่พักครูกำกับเรือน
ซึ่งแบ่งเป็น ๕ เรือน คือ เรือน ก. เรือน ข. เรือน ค.
เรือน ง. และเรือน จ.
กับมีเรือนเด็กเล็กซึ่งมีหม่อมพยอมในพระราชวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าวิไลยวรวิลาศ
เป็นครูแม่บ้านแยกไปเป็นอีกเรือนหนึ่งต่างหาก
แต่ละเรือนมีห้องล้างหน้า ตู้เสื้อผ้า
เตียงสปริงและที่นอนหมอนมุ้งพร้อมสรรพ
ด้านหลังสุดแถวของห้องนอนจัดเป็นห้องน้ำและห้องส้วมแยกออกไปเป็น
๒ หมู่
ด้านหลังสุดของหมู่เรือนจัดเป็นโรงอาหารขนาดใหญ่ต่อเนื่องกับโรงครัว
การก่อสร้างโรงเรียนชั่วคราวที่สวนกระจังนี้สิ้นพระราชทรัพย์ไปในการก่อสร้างอาคารรวมค่าขุดคูและสระน้ำทั้งสิ้น
๒๑๒,๓๑๗ บาท
เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จลงในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๔
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้มีการบำเพ็ญพระราชกุศลขึ้นโรงเรียนใหม่ที่สวนกระจัง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๔
โดยนิมนต์พระสงฆ์ ๑๐
รูปจากวัดเบญจมบพิตรมาเจริญพระพุทธมนต์และรับพระราชทานฉันเพล
เสร็จแล้วจึงได้โปรดเกล้าฯ
ให้ย้ายนักเรียนมหาดเล็กหลวงจากโรงเรียนราชกุมารเก่าในพระบรมหาราชวังมาอยู่ที่โรงเรียนใหม่ที่สวนกระจัง
และได้เริ่มเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียนใหม่นี้ตั้งแต่วันจันทร์ที่
๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๔ เป็นต้นมา
อนึ่งเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ยังทรงดำรงพระอิสริยยศที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
สยามมกุฎราชกุมารนั้น
ได้เสด็จพระราชดำเนินประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือเมื่อ
พ.ศ. ๒๔๕๐
ซึ่งในการเสด็จประพาสครั้งนั้นที่รู้จักกันในชื่อ เที่ยวเมืองพระร่วง
นั้น ได้ทอดพระเนตรเห็นว่า
ศิลปะสถาปัตยกรรมไทยที่เมืองกำแพงเพชร สุโขทัย
และสวรรคโลกนั้นยังมีสภาพที่สมบูรณ์อยู่มาก
เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานเงินที่เหลือจากการจัดสร้างพระบรมรูปทรงม้าจำนวนเกือบล้านบาทให้เป็นทุนในการจัดสร้างอาคารของโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว
จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้นายอี. ฮีลี่ และนายคาร์ล ดอห์ริง
ซึ่งจะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ
ขึ้นไปเที่ยวดูงานศิลปสถาปัตยกรรมที่เมืองกำแพงเพชร
สุโขทัยและสวรรคโลก ด้วยทรงพระราชดำริว่า
ในส่วนช่างของไทยเรา
ซึ่งเวลานี้อยู่ข้างจะโทรมอยู่มากนั้น
บางทีถ้าได้ดูรูปสถานที่และลวดลาย...
จะเกิดรู้สึกขึ้นได้บ้าง
ว่าฝีมือช่างไทยเราได้เคยดีมาแต่โบราณแล้ว
หากมาทิ้งกันกันให้เลือนไปเองจึงได้โทรมหนัก
และจึงได้พากันมัวหลงนึกไปเสียว่าวิช่างของเราเลวนัก
ต้องใช้แบบฝรั่งจึงจะงาม
ที่จริงฝีมือและความคิดของเขากับของเราก็งามด้วยกันทั้งสองฝ่าย
แต่งามไปคนละทาง
ถ้าแม้จะใช้ของเขาก็ใช้ให้ทั้งหมด
ใช้ของเราก็เป็นของเราทั้งหมด
ที่น่ารำคาญนั้นคือใช้ปนกันเปรอะ
เช่นมุงหลังคาโบสถ์ด้วยกระเบื้องสิเมนต์เป็นต้น
ถ้านึกว่าฝรั่งเขาเห็นงามแล้ว
ต้องแปลว่าเข้าใจผิดโดยแท้
[
๒
] |
|
 |
แบบอาคารโรงเรียนข้าราชการพลเรือน จ.ป.ร.
ของนาย อี. ฮีลี่ |
|
|
|
 |
แบบอาคารโรงเรียนข้าราชการพลเรือน จ.ป.ร.
ของนายคาร์ล ดอห์ริง |
|
|
ภายหลังจากที่สถาปนิกทั้งสองรายได้เดินทางขึ้นไปศึกษารูปแบบงานศิลปสถาปัตยกรรมในหัวเมืองฝ่ายเหนือเป็นเวลานานกว่าสามเดือนแล้ว
ก็ได้กลับลงมาออกแบบก่อสร้างอาคารโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ
และโรงเรียนมหาดเล็กหลวง แต่คาก่อสร้างของนายคาร์ล ดอห์ริงนั้นสูงกว่าของนาย อี.
ฮีลี่ สุดท้ายนาย อี. ฮีลี่
จึงได้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารโรงเรียนข้าราชการพลเรือน
ส่วนที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นาย อี. ฮีลี่
เป็นผู้ออกแบบร่วมกับพระสมิทธเลขา (ปลั่ง วิภาตศิลปิน) [
๓
]
หัวหน้าแผนกออกแบบของกรมศิลปากร แล้วจึงโปรดเกล้าฯ
ให้กรมศิลปากรเป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างหอสวดและตึกครูนักเรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
เริ่มการก่อสร้างมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.๒๔๕๗
พร้อมกันกับการก่อสร้างอาคารของโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ
เพื่อให้แล้วเสร็จทันเฉลิมพระราชศรัทธาในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
๓ รอบ มโรงนักษัตร เมื่อวันที่ ๑ มกราคม
พ.ศ.๒๔๕๙
เมื่อการก่อสร้างโรงเรียนถาวรแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๔๕๙ แล้ว
เรือนไม้หลังคาจากที่เป็นโรงเรียนชั่วคราวนั้นก็ได้ใช้เป็นอาคารเรียนของนักเรียนต่อมา
จนการก่อสร้างตึกวชิรมงกุฎแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๔๗๕ แล้ว
จึงได้รื้อเรือนไม้หลังคาจากซึ่งในเวลานั้นอยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมลง
และย้ายนักเรียนไปเรียนที่ตึกวชิรมงกุฎแทน.
|
|
 |
|
|
[
๑ ] ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
พระยาวิศุกรรมศิลปประสิทธิ์
[
๒ ]
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว.
เที่ยวเมืองพระร่วง, หน้า จ.
[
๓ ]
ต่อมาได้รับพระราชทาบรรดาศักดิ์เป็น
พระยาจินดารังสรรค์
|