๕๕.
มหาวชิรมงกุฎ
"มหาวชิรมงกุฎ"
เป็นนามของเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย
ชั้นสูงสุด หรือที่ในปัจจุบันเรียกกันเป็นสามัญว่า "สาย ๓"
หมายถึงสายสะพายลำดับที่บรรดาข้าราชการจะได้รับพระราชทานเป็นลำดับที่
๓ ต่อจากประถมาภรณ์มงกุฎไทย และประถมาภรณ์ช้างเผือก
ที่เรียกกันว่า "สาย ๑ และสาย ๒" ตามลำดับ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทยนี้เริ่มสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ลายในดวงตราเป็นรูปจุลมงกุฎบนพานสองชั้นมีเครื่องสูงสองข้าง
เมื่อแรกสร้างในปี พ.ศ. ๒๔๑๒ นั้น มีเพียง ๓
ชั้นและรวมอยู่กับตราช้างเผือก ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๑๖
จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา "พระราชบัญญัติเครื่องราชอิศริยยศอย่างสูง
มงกุฎสยาม" ขึ้น โดยกำหนดให้เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้มี ๕
ชั้น มีชื่อเรียกต่างกันตามลำดับ ดังนี้
ชั้นที่ ๑ มหาสุราภรณ์
ชั้นที่ ๒ จุลสุราภรณ์
ชั้นที่ ๓ มัณฑนาภรณ์
ชั้นที่ ๔ ภัทราภรณ์
ชั้นที่ ๕ วิจิตราภรณ์
และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๔๕ โปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนาเหรียญทองและเหรียญเงินมงกุฎสยามเพิ่มเติมเป็นชั้นที่
๖ และ ๗ ตามลำดับ
ผู้ที่จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎสยาม
ชั้นที่ ๑ นั้น นอกจากพระบรมวงศ์ชั้นสูงแล้ว
ผู้ที่จะได้รับพระราชทานตราชั้นนี้เห็นจะมีแต่ข้าราชการผู้ใหญ่
ชั้นเจ้าพระยาเสนาบดี
หรือพระยาปลัดทูลฉลองที่ปัจจุบันเรียกกันว่า ปลัดกระทรวง
กับเจ้าประเทศราชและพระยาประเทศราชเท่านั้น
ส่วนข้าราชการชั้นอธิบดีหรือเทียบเท่านั้นก็พอมีอยู่บ้างแต่ก็เฉพาะผู้ที่มีความชอบพิเศษในราชการเท่านั้น
ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
แม้จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่ง
มงกุฎสยาม โดยโปรดเกล้าฯ ให้เลิกอัตราสมาชิกแล้วก็ตาม
แต่การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ก็ยังคงเข้มงวด
หาได้พระราชทานกันดาษดื่นเช่นปัจจุบัน
อนึ่ง ในคราวที่โปรดเกล้าฯ
ให้แก้ไขพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์อีนมีเกียรติยศยิ่ง
มงกุฎสยาม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑ นั้น ยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนาตราชั้นสูงสุดขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
ให้เป็นคู่กับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันที่เชิดชูยิ่ง
ช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดให้สถาปนาขึ้นไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๕๒
พระราชทานนามตรามงกุฎสยามชั้นสูงสุดนี้ว่า "มหาวชิรมงกุฎ"
ตรา "มหาวชิรมงกุฎ" นี้
มีดวงตราตรงกลางเป็นอักษรพระบรมนามาภิไธย่อ ร.ร.๖
ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ ห้อยกับแพรแถบสีครามแก่
มีริ้วสีขาวสีแดงอยู่ที่ริมขอบเป็นสายสะพาย
กับมีดวงดาราที่อักษรพระบรมนามาภิไธยย่อกับเลข ๖
ประดับเพชร สำหรับติดที่อกข้างซ้ายดวง ๑
 |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงเครื่องเต็มยศนายพลเอก นายทหารพิเศษกรมทหารราบเบาเดอรัม
ทรงสายสะพายราชวิคตอเรียน ชั้นที่ ๑ (Knight Grand Cross
of the Royal Victorian Order) |
สายสะพายมหาวชิรมงกุฎนั้นเดิมใช้สะพายบ่าขวาเช่นเดียวกับสายสะพายราชวิคตอเรียน
ชั้นที่ ๑ (Knight Grand Cross of the Royal Victorian
Order)
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิคตอเรียแห่งประเทศอังกฤษ
เมื่อครั้งประทับทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
ทั้งยังเป็นสายสะพายสีครามแก่เช่นเดียวกัน
จะต่างกันก็แต่เพียงสายสะพายราชวิคตอเรียนนั้นมีริ้วสีแดงสลับขาวและแดงที่ริมขอบ
ขณะที่สายสะพายมหาวชิรมงกุฎนั้นมีเฉพาะริ้วขาวและแดงที่ริมขอบ
เมื่อรวมกับพื้นสีน้ำเงินหรือครามแก่ตรงกลางสายสะพายนี้จึงมีสีเช่นเดียวสีธงไตรรงค์ธงชาติไทย
ความเหมือนกันอีกประการหนึ่งนั้นเห็นจะได้แก่
เรื่องที่กล่าวกันว่า ทรงหวงยิ่งนัก
ดังที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์
ทรงพระนิพนธ์ไว้ใน "เกิดวังปารุสก์" ว่า
 |
ดาราและสายสะพายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวิคตอเรีย ชั้นที่
๑
Knight Grand Cross of The Royal Victorian Order |
สายสะพายมหาวชิรมงกุฎนั้นเดิมใช้สะพายบ่าขวาเช่นเดียวกับสายสะพายราชวิคตอเรียน
ชั้นที่ ๑ (Knight Grand Cross of the Royal Victorian
Order)
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิคตอเรียแห่งประเทศอังกฤษ
เมื่อครั้งประทับทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
ทั้งยังเป็นสายสะพายสีครามแก่เช่นเดียวกัน
จะต่างกันก็แต่เพียงสายสะพายราชวิคตอเรียนนั้นมีริ้วสีแดงสลับขาวและแดงที่ริมขอบ
ขณะที่สายสะพายมหาวชิรมงกุฎนั้นมีเฉพาะริ้วขาวและแดงที่ริมขอบ
เมื่อรวมกับพื้นสีน้ำเงินหรือครามแก่ตรงกลางสายสะพายนี้จึงมีสีเช่นเดียวสีธงไตรรงค์ธงชาติไทย
ความเหมือนกันอีกประการหนึ่งนั้นเห็นจะได้แก่
เรื่องที่กล่าวกันว่า "ทรงหวงยิ่งนัก"
ดังที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์
ทรงพระนิพนธ์ไว้ใน "เกิดวังปารุสก์" ว่า
"ตราราชวิกตอเรียนั้น
ควีนวิกตอเรียทรงสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๓๙...
เนื่องด้วยอังกฤษมีตราถึง ๙ อย่าง
และเขานับสูงต่ำกันด้วยอายุของตรา
ตราวิกตอเรียเป็นตราเกือบใหม่ที่สุด
ว่าตามกฎแล้วจึงนับว่าต่ำมาก
แต่สำหรับคนอังกฤษเขาไม่คิดว่าเช่นนั้น เพราะได้ยากยิ่ง
สำหรับชั้น ๑ แล้ว นอกจากเป็นข้าราชสำนัก
กว่าจะได้มักจะได้ตราชั้น ๑ อื่นๆ
อันเป็นที่ว่าสูงกว่ามาก่อนแล้ว
ฉะนั้นจึงจะเปรียบต่ำสูงกับตราอื่นไม่ได้
ก่อนข้าพเจ้าเคยมีตนไทยดานี้ชั้น ๑ สองพระองค์เท่านั้นคือ
ทูลหม่อมลุง
[๑]
กับพ่อ
[๒]
ภายหลังข้าพเจ้า พระองค์อาทิตย์ [๓]
จะยังได้รับอีกพระองค์หนึ่ง
และเท่าที่ข้าพเจ้าทราบทรงเป็นพระองค์เดียวที่ได้รับตรานี้
โดยมิได้เคยคุ้นกับพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษองค์หนึ่งองค์ใด"
[๔] |
ในส่วนของตรา "มหาวชิรมงกุฎ" นั้น
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระผู้ทรงสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ ก็ "ทรงหวงแหนนักไม่ค่อยจะพระราชทานผู้ใด"
จึงปรากฏว่า
ตลอดรัชสมัยของพระองค์ทรงเลือกพระราชทานเฉพาะพระบรมวงศ์และเจ้าพระยาเสนาบดีบางพระองค์และบางท่านที่ทรงสนิทเสน่หาและทรงเคารพย่องเหนือผู้อื่น
ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับพระราชทานนั้นก็ล้วนเป็นผู้ที่ได้ทำคุณประโยชน์แก่แผ่นดินและเป็นผู้ที่ทรงคุ้นเคยเป็นพิเศษ
ดังมีรายพระนามและนามเรียงลำดับตามปีที่ได้รับพระราชทาน
ดังนี้
ฝ่ายหน้า
วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๑
๑. สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ
กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ [๕]
๒. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ
๓. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์
[๖]
๔. มหาเสวกเอก เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ย
มาลากุล)
๕. จางวางเอก พระยาประสิทธิ์ศุภการ (ม.ล.เฟื้อ
พึ่งบุญ) [๗]
วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๓
๖. มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาอภัยราชามหายุติธรรมธร(ม.ร.ว.ลพ
สุทัศน์)
วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๓
๗. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าฯ
กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
[๘]
๘. สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ
กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต [๙]
วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๑
๙. มหาอำมาตย์นายก เจ้าพระยายมราช (ปั้น
สุขุม)
วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔
๑๐. จางวางเอก พระยาอนิรุทธเทวา (ม.ล.ฟื้น
พึ่งบุญ)
๑๑. จางวางเอก พระยาสุจริตธำรง (โถ สุจริตกุล)
[๑๐]
วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๕
๑๒. สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมา [๑๑]
วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๖
๑๓. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระดำรงราชานุภาพ [๑๒]
๑๔. พระเจ้าพี่ยาเธอ
กรมพระจันทบุรีนฤนาถ
วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘
๑๕. จางวางเอก
พระยาวรพงษ์พิพัฒน์ (ม.ร.ว.เย็น อิศรเสนา)
[๑๓]
๑๖. จางวางเอก
พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ ไกรฤกษ์)
๑๗. นายพลเอก พระยาเทพอรชุน (อุ่ม อินทรโยธิน)
[๑๔]
ฝ่ายใน
วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๓
๑. สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ทรงทอดถวายที่หน้าพระบรมศพ
ในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัปดาหถวายพระบรมศพ ณ
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๓
๒. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าฯ
กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร [๑๕]
วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๕
๓. เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ (แพ)
๔. สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี
[๑๖]
วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๗
๕. สมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี
[๑๗]
|