สำหรับประเด็นที่ว่า
หม่อมพยอมเป็นหม่อมของท่านผู้ใด
ผู้เขียนใช้เวลาสืบหาอยู่หลายปี
แม้แต่นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวง หม่อมหลวงปิ่น
มาลากุล
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก็ยังเคยปรารภกับผู้เขียนว่า ต้นพบหรือยังว่า
หม่อมพยอมเป็นหม่อมของท่านผู้ใด
ซึ่งผู้เขียนก็ได้แต่กราบเรียนว่า
พยายามค้นแล้วยังไม่พบ
จนท่านถึงอสัญกรรมไปแล้วหลายปีจึงมีโอกาสได้พบความในเอกสารจดหมายเหตุชุดสรุปคำพิพากษาของศาลรับสั่งกระทรวงวัง
(เป็นศาลพิเศษที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งขึ้นเพื่อพิจารณาพิพากษาคดีที่พระบรมวงศ์และข้าราชสำนักประพฤติผิดกฎมณเฑียรบาล)
ซึ่งในย่อคำพิพากษานั้นมีคดีหนึ่งระบุว่า
หม่อมพยอมในพระราชวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าวิไลวรวิลาศ
(พระโอรสกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ)
เป็นโจทก์ฟ้องลูกจ้างในคดีลักทรัพย์นายจ้างคือ
หม่อมพยอม เหตุเกิดที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระราชสำนัก
ในชั้นนี้จึงยืนยันได้ว่า
หม่อมพยอมนั้นเป็นหม่อมในพระราชวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าศรีวิไชวรวิลาศ
แต่เมื่อได้คำตอบว่า
หม่อมพยอมท่านนี้เป็นหม่อมในพระราชวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าวิไลยวรวิลาศนั้น
ท่านผู้อาวุโสที่เคยมอบหมายให้ผู้เขียนไปสืบค้นนั้นท่านก็ไม่อยู่รอฟังคำตอบแล้ว
เวลานั้นคงเหลืออบยู่แต่นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวงบัว
ศจิเสวี
มหาดเล็กรุ่นจิ๋วในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
กับพันเอก เรวัต เตมียบุตร
ซึ่งในตอนยุบรวมโรงเรียนเมื่อสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น
ท่านทั้งสองยังเป็นนักเรียนชั้นประถม
แต่ผู้เขียนก็ไม่อาจรายงานผลการสืบหาให้ท่านทั้งสองทราบได้
เพราะเวลานั้นทั้งสองท่านต่างก็ชราภาพและป่วยเจ็บจนเกินกว่าที่จะสนทนากันกันได้
จึงต้องขอบันทึกเรื่องหม่อมพยอมไว้ ณ ที่นี้
สำหรับเกียรติคุณของหม่อมพยอมที่ทำหน้าที่แม่บ้านคณะเด็กเล็กนั้น
นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวงบัว ศจิเสวี
ได้บันทึกไว้ใน
พระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่ นายบัว ศจิเสวี ความตอนหนึ่งว่า
เข้าโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยให้ผมรอดเป็นตัวเป็นตนมาจนบัดนี้ก็คือ
ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ
ให้ผมไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
โดยเป็นนักเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ทุกประการ
ในสมัยนั้นนักเรียนที่โรงเรียนนี้แบ่งเป็น ๓
ประเภท คือ
ประเภทอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ คือ
พระราชทานทุกอย่างหมด ค่าเล่าเรียน ค่าอาหาร
ค่าหนังสือ ค่าเครื่องแต่งตัว ฯลฯ
อย่างเช่นผมเป็นตัวอย่าง
เวลานั้นผมไม่ได้นึกถึงอะไร
ทราบแต่ว่าเป็นโรงเรียนของในหลวง ประเภทที่สอง คือ
โปรดเกล้า ฯ
พระราชทานเฉพาะค่าเล่าเรียนและค่าอาหารกินอยู่หลับนอนที่โรงเรียน
ส่วนค่าหนังสือและค่าแต่งกายผู้ปกครองออกเอง
และประเภทที่สาม คือ โปรดเกล้า ฯ
ให้เข้าโรงเรียนมหาดเล็กหลวงได้เท่านั้น
ค่าใช้จ่ายทุกประการผู้ปกครองต้องออกเอง |
 |
ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
(จากซ้าย) เจ้าพระยารามราฆพ
หรือที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เด็กชายบัว
ศจิเวี ออกนามว่า เจ้าคุณปู่
เด็กชายบัว ศจิเสวี และคุณอรุณธดี วิเศษกุล (คุณหญิงอรุณธดี
จารุดุล) |
ก่อนที่ผมจะเล่าถึงชีวิตและความประทับใจในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ผมขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่
เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๔๕๖ มาไว้ ณ ที่นี้ |
เจ้าเหล่านี้ ข้าถือเหมือนลูกของข้า
ส่วนตัวเจ้า เจ้าก็ต้องรู้สึกว่าข้าเป็นพ่อเจ้า
ธรรมดาพ่อกับลูก พ่อย่อมอยากให้ลูกดีเสมอ
ถ้าลูกประพฤติตัวดีสมใจพ่อ พ่อก็มีใจยินดี
ถ้าลูกเหลวไหลประพฤติแต่ความเสื่อมเสีย
พ่อก็โทมนัส ลูกคนใดที่ประพฤติตนเลวทรามต่ำช้า
เป็นเหตุให้พ่อได้ความโทมนัส
ลูกคนนั้นเป็นลูกเนรคุณพ่อ"
|
พระบรมราโชวาทนี้จารึกไว้ใต้พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประดิษฐานอยู่หน้าหอประชุมใหญ่ในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
เตือนใจให้นักเรียนทุกคนปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทนี้อยู่เสมอ
ด้วยพระบารมีปกเกล้าฯ
เช้าวันจันทร์ก็มีรถยนต์หลวงรับผมจากพระราชวังพญาไทไปส่งที่โรงเรียน
พอเที่ยงวันเสาร์ก็มีรถยนต์หลวงรับจากโรงเรียนกลับมาที่พระราชวังพญาไท
ตามทะเบียนผมเข้าเป็นนักเรียนมหาดเล็กหลวง
เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๗
ได้รับเลขประจำตัว ๔๘๔... |
กิจวัตรของนักเรียน
ขอเล่าความทรงจำในชีวิตที่เป็นนักเรียนมหาดเล็กไว้สักเล็กน้อย
โรงเรียนนี้ชาวบ้านนอกเดินผ่านก็ลงนั่งยอง ๆ
ประนมมือไหว้ นึกว่าวัด
เพราะหอประชุมใหญ่และตึกคณะทรงไทยรูปร่างคล้ายกุฏิพระ
เครื่องแบบก็โก้ เสื้อนอกขาวคอปิดแบบราชการ
กระดุมทั้ง ๕ เม็ด ตลอดทั้งขอคออีก ๒
ต้องกลัดให้ครบ
มีแผงบังคับให้คอแข็งตั้งตรงเป็นสง่า
หมวกหนีบสีน้ำเงิน สวมเพล่ก็ไม่ได้
กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินกรมท่าเหมือนหมวก
รับกับถุงเท้ารองเท้าหนังสีดำ
ทำให้นักเรียนผู้สวมรู้สึกมีเกียรติและรักษาระเบียบอันเคร่งครัดของโรงเรียน
อันเริ่มจากตื่นแต่เช้าตามระฆังปลุก
ทำที่นอนให้เรียบร้อยแล้วเข้าแถวไปล้างหน้าอาบน้ำ
กลับมาแต่งตัวเข้าแถวไปรับประทานอาหารเช้า
มีข้าวต้มเป็นส่วนใหญ่
พักสักครู่เข้าแถวไปเข้าห้องเรียน
ตอนกลางวันเข้าแถวไปรับประทานอาหารกลางวัน
เสร็จแล้วพักพอสมควร บ่ายเข้าแถวเข้าห้องเรียน
บ่าย ๓ โมงเลิกเรียน ต่อไปเป็นเวลาของกีฬา
จนเย็นจึงเข้าแถวจะต้องไปอาบน้ำตอนนี้มีครูมาตรวจร่างกาย
ให้แลบลิ้น ถามว่าถ่ายอุจจาระหรือเปล่า กี่ครั้ง
จะโดนกินยาก็ตอนนี้ แล้วเข้าห้องอาบน้ำ
ห้องน้ำมิดชิดใหญ่พอที่จะอาบน้ำพร้อม ๆ กันได้สัก
๕๐ คน
เพราะมีถังน้ำก่อด้วยซีเมนต์สูงแค่หน้าอกใส่น้ำเต็ม
ทุกคนแก้ผ้าใช้ขันตักอาบน้ำ มีสบู่ ขัน แปรงสีฟัน
ยาสีฟัน ของตนเองแต่ละคน เสร็จแล้วเข้าห้องแต่งตัว
ตอนเย็นเป็นชุดกางเกงจีนผ้าขาว เสื้อขาวบางคอกลม
เข้าแถวไปห้องรับประทานอาหาร โต๊ะอาหารเป็นโต๊ะยาว
โต๊ะละประมาณ ๑๒ คน แก้วน้ำและกับข้าววางอยู่พร้อม
นักเรียนต้องตักข้าวเองและเลื่อนหม้อข้าวส่งต่อๆ
กันไป ใครเคยนั่งที่ไหนก็ต้องนั่งที่นั้น
เสร็จแล้วพักพอสมควร แล้วเข้าห้องทำการบ้าน
จนถึงเวลานอนจึงเข้าห้องสวดมนต์
สวดมนต์เสร็จเข้าแถวเข้าห้องนอน
ต่างคนต่างนอนคนละเตียงประจำที่ของตน
พอล้มตัวลงนอนครูจะดับไฟ
นักเรียนจะต้องท่องข้อความว่า ข้าดียิ่ง ๆ
ขึ้นทุก ๆวัน เป็นลำดับไป คนละ ๒๐ ครั้ง
แต่โดยมากพอท่องไปได้สัก ๑๐ ครั้ง คำว่า เป็นลำดับไป
ก็จะค่อย ๆ กลายเป็น หลับไป
และนักเรียนก็หลับจริง ๆ
ยานอนหลับขนานนี้ผมยังจำไว้ใช้จนบัดนี้
แต่ตอนที่อายุมาก ๆ ความชรามันแก่กล้าขึ้น
บางทีท่องตั้ง ๑๐๐ ครั้งก็ยังไม่หลับ
ใครที่นอนไม่หลับยากจะนำไปใช้ก็เชิญ
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ |
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งทรงรับรัชทายาทเสด็จดำรงสิริราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่
๗ ต่อมา ได้โปรดเกล้าฯ
ให้จัดระเบียบราชการในพระราชสำนัก
โดยยุบรวมกรมมหาดเล็กซึ่งแต่เดิมเป็นส่วนราชการอิสระเทียบท่ากระทรวง
ลงเป็นกรมหนึ่งในสังกัดกระทรวงวัง ทั้งโปรดเกล้าฯ
ให้ยุบเลิกส่วนราชการในสังกัดกรมมหาดเล็กบางหน่วยลงด้วย
กรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ก็ได้ถูกยุบเลิกไปในคราวนั้น
รวมทั้งโรงเรียนพรานหลวง
ส่วนโรงเรียนมหาดเล็กหลวงและโรงเรียนราชวิทยาลัยโปรดเกล้าฯ
ให้ยุบรวมเข้าด้วยกันเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.
๒๔๖๙
การยุบกรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์และควบรวมโรงเรียนในคราวนั้น
เป็นเหตุให้สภาจางวางมหาดเล็กซึ่งเป็นกรรมการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
และคุณครูของโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์หลายท่าน
ถูกปลดออกจากราชการรวมทั้งหม่อมพยอมก็พ้นจากการเป็นครูแม่บ้านคณะเด็กเล็กไปในคราวเดียวกันนั้นด้วย
ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ
ให้ยุบรวมโรงเรียนราชวิทยาลัยเข้ากับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
และพระราชทานนามโรงเรียนให้ใหม่ว่า
โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยแล้ว ก็ได้โปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นสภากรรมการโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
แต่เพราะสภากรรมการฯ
ได้พิจารณาหารือกันแล้วเห็นว่า
โดยหลักการพับลิคสกูลของอังกฤษนั้น
รับเด็กนักเรียนอายุ ๑๒
ปีเข้าเรียนในชั้นมัธยมปีที่ ๔
แต่พระยาบรมบาทบำรุง (พิฯ ศรีวรรธนะ)
ผู้บังคับการโรงเรียนในเวลานั้นเห็นแย้งว่า
การที่รับนักเรียนเข้าเรียนเมื่ออายุ ๑๒
ปีนั้นยากแก่การจัดการอบรม
ในเมื่อมีความเห็นขัดแย้งกันเช่นนี้
และสภากรรมการจัดการวชิราวุธวิทยาลัยคงยืนยันมติให้ยุบชั้นเด็กเล็กคือ
ชั้นประถมและมัธยม ๑ - ๓
คงเหลือแต่นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๔ - ๘
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้พระยาบรมบาทบำรุงย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์
และโปรดเกล้าฯ ให้พระยาปรีชานุสาสน์ (เสริญ
ปันยารชุน
มาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยแทน
 |
คณะเด็กเล็ก (ปัจจุบันคือ คณะสนามจันทร์) |
ต่อมาในตอนต้นปี พ.ศ. ๒๔๗๕
สภากรรมการจัดการวชิราวุธวิทยาลัยได้มีการทบทวนมติเรื่องการรับนักเรียนเข้าเรียน
และมีมติให้เปิดคณะเด็กเล็กรับนักเรียนสำหรับนัก้รียนชั้นประถมในที่ดินพระราชทานให้เป็นบ้านพักครูชาวต่างประเทศที่ริมถนนสุโขทัยฝั่งทิศเหนือ
ซึ่งอยู่ตงข้ามโรงเรียนเดิม
พร้อมกับทรงพระทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้พระยาบรมบาทบำรุง
ย้ายกลับมาเป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยแทนพระยาปรีชานุสาสน์ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการ