นอกจากสนามหน้า สนามข้าง
และสนามหลังที่เป็นทั้งสนามฟุตบอลและรักบี้ฟุตบอล
รวมทั้งเป็นสนามกรีฑามาตรฐาน ๔๐๐ เมตรแล้ว
ยังพบหลักฐานเป็นภาพถ่ายว่า
เมื่อการก่อสร้างตึกวชิรมงกุฎเป็นตึกเรียนหลังใหญ่ด้านหลังหอประชุมแส้วเสร็จใน
พ.ศ. ๒๔๗๕ นั้น
ได้มีการจัดพื้นที่หน้าตึกวชิรามงกุฎเป็นสนามบาสเกตบอลชนิดพื้นหญ้า
ก่อนที่จะย้ายสนามบาสเกตบอลไปสร้างใหม่เป็นสนามพื้นคอนกรีตริมคูน้ำด้านทิศเหนือด้านหลังคณะพญาไท
จำนวนสนาม ๓ สนาม กับอีก ๒
สนามระหว่างตึกคณะผู้บังคับการกับตึกพยาบาล
 |
สนามเทนนิส ๒ สนาม ในพื้นที่ระหว่างตึกพยาบาล (หอประวัติ)
กับคณะดุสิต |
ถัดจากตึกพยาบาลลงไปทางทิศใต้
ระหว่างตึกพยาบาลกับคณะดุสิตมีการจัดทำพื้นที่ส่วนนี้เป็นสนามเทนนิสชนิดสนามหญ้ารวม
๒ สนามมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๑
ดังมีหลักฐานปรากฏในแจ้งความวชิราวุธวิทยาลัยซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๔๗๑
ภายในสนามเทนนิสทั้งสองแบ่งเป็นคอร์เทนนิสชนิดคอร์หญ้าหลายคอร์ท
ต่อมาเมื่อสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ได้จัดสรรเงินรายได้จากการจัดงานวชิราวุธานุสรณ์ให้วชิราวุธวิทยาลัยจัดสร้างสระว่ายน้ำขนาดความยาวสระ
๒๕ เมตรขึ้น
โรงเรียนจึงได้เลือกพื้นที่สนามเทนนิสส่วนที่ติดกับตึกพยาบาลเป็นสถานที่ก่อสร้างสระว่ายน้ำ
สนามเทนนิสของวชิราวุธวิทยาลัยในเวลาต่อจากนั้นจึงเหลือเพียงสนามใหญ่ด้านที่ติดกับคณะดุสิต
ซึ่งภายในแบ่งเป็นคอร์ทหญ้า ๓ คอร์ท
และคอร์ทกรวดอีก ๒ คอร์ท ต่อมาในสมัยผู้บังคับการ
ดร.กัลย์ อิศรเสนา ณ อยุธยา
ได้มีการปรับตอร์ทเทนนิสทั้ง ๕
คอร์ทนั้นเป็นตอร์ทยางตามมาตรฐานสากลทั้งหมด
นอกจากสนามกีฬาต่างๆ แล้ว
ยังมีกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่มีการแข่งขันในวชิราวุธวิทยาลัย
คือ กีฬาวอลเลย์บอล
ซึ่งมีการแข่งขันกันในภาคเรียนสุดท้ายของปี
และเนื่องจากกีฬาชนิดนี้ไม่ใช่กีฬาหลักใน
สนามวอลเลย์บอลจึงมักจะจะถูกกำหนดขึ้นที่ริมสนามหน้าหรือสนามข้าง
โดยเมื่อให้ถึงฤดูการแข่งขันกีฬาชนิดนี้ก็จะมีการปักเสาตีเส้นเป็นสนามแข่งขันตามความเหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา
สำหรับสระว่ายน้ำที่สร้างขึ้นแทนที่สนามเทนนิสข้างตึกพยาบาลนั้น
เป็นสระว่ายน้ำที่สร้างขึ้นตามส่วนย่อของกติกาโอลิมปิค
มีส่วนยาว ๒๕ เมตร กว้าง ๑๒.๕๐ เมตร
มีเครื่องกรองน้ำ ห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว
ห้องน้ำ ที่กระโดดน้ำ
และเครื่องประกอบครบถ้วนจามกติกาของโอลิมปิค
สระว่ายน้ำนี้ได้เปิดให้นักเรียนทุกคณะหมุนเวียนกันมาว่ายน้ำและจัดให้นักกีฬาว่ายน้ำทีมโรงเรียนฝึกซ้อมมาตั้งแต่
พ.ศ. ๒๕๑๐
ได้สร้างนักเรียนให้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไปแล้วหลายคน
 |
สระว่ายน้ำที่สร้างขึ้นใหม่แทนทนสระเดิม เมื่อ
พ.ศ. ๒๕๓๓ |
สระว่ายน้ำที่สร้างเสร็จและเปิดใช้งานใน
พ.ศ. ๒๕๒๐ นั้น ได้ใช้งานมาจนถึงปีการศึกษา ๒๕๓๒
โรงเรียนได้รายงานให้คณะกรรมการอำนวยการฯ ทราบว่า
พื้นสระชำรุดมีรอยแตก
นักเรียนได้รับบาดเจ็บจากถูกกระเบื้องพื้นสระบาดอยู่เนืองๆ
คณะกรรมการอำนวยการฯ
จึงได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณให้รื้อและสร้างสระว่ายน้ำขึ้นใหม่ทดแทนสระเดิม
แต่ในการสร้างใหม่นี้ได้ขยายความกว้างของสระให้มีช่องว่ายเพิ่มเป็น
๘ ช่องจากเดิมที่มีอยู่เพียง ๖ ช่อง
ทำให้ทุกคณะสามารถาส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันได้พร้อมกันคณะละ
๒ คน
นอกจากสนามกีฬาและสระว่ายน้ำดังกล่าวแล้ว
ในระเบียบการของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ร.ศ. ๑๓๐
(พ.ศ. ๒๔๕๔)
ได้กล่าวถึงการประจำวันตามเวลาปรกติของโรงเรียนไว้ว่า
"ย่ำรุ่ง |
ตื่นนอน |
ย่ำรุ่ง ๓๐ นาที
|
กินน้ำชาเช้าในห้องเลี้ยง |
ย่ำรุ่งครึ่งถึงโมงครึ่ง
|
ตรวจชื่อ หัดทหาร
หรือหัดยิมนาสติกส" |
|
ดังนี้ย่อมเป็นพยานยืนยันว่า
นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยได้รับการฝึกหัดยิมนาสติกส์
หรือในสมัยนั้นเรียกว่า "ดัดตน"
มาแต่แรกตั้งโรงเรียน
ต่อมาในสมัยที่รวมโรงเรียนเป็นวชิราวุธวิทยาลัยแล้ว
จึงมีการสร้างโรงยิมนาสติกขึ้นที่ริมคูน้ำด้านทิศใต้
ในพื้นที่ระหว่างคณะดุสิตกับคณะจิตรลดา
 |
อาคารพลศึกษา หรือ โรงยิมนาสติกส์เก่า |
โรงยิมนาสติกนี้เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว
ยกพื้นสูง
หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสีเหมือนหอประชุมและตึกคณะทั้งสี่
ภายในมีอุปกรณ์การเล่นยิมนาสติกส์พร้อมสรรพ
แต่เนื่องจากโรงยิมนี้เป็นเรือนไม้เมื่อใช้งานไปนานๆ
สภาพของโรงยิมย่อมทรุดโทรม
ประกอบกับไม่สามารถดัดแปลงให้เข้ากับความต้องการตามยุคสมัยได้
โรงเรียนจึงได้รวบรวมเงินจัดสร้างอาคารพลศึกษาหรือโรงยิมนาสติกส์ขึ้นใหม่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ
เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารพลศึกษาใหม่นี้เมื่อวันที่
๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๑
ส่วนโรงยิมนาสติกส์เก่านั้นโรงเรียนได้ดัดแปลงเป็นห้องนอนของนักเรียนในระหว่างซ่อมตึกคณะจิตรลดา
พญาไท และผู้บังคับการ
แล้วต่อมาได้ใช้เป็นห้องเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๔ กับเป็นโรงอาหารว่างอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ก่อนที่ระรื้อและก่อสร้างตึกประชาธิปกขึ้นแทยที่ในคราวฉลองวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวครบ
๑๐๐ ปี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๖
ส่วนอาคารพลศึกษา (โรงยิมนาสติกส์ใหม่)
นั้น ต่อมาในสมัยดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
เป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
ได้ดัดแปลงอาคารนี้เป็นโรงละครของนักเรียนแทน