ในส่วนหน้าที่ราชการของกรมพระตำรวจนั้น
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา
กฎข้อบังคับจัดการปกครองกรมพระตำรวจ ศก ๑๓๑
ให้พระตำรวจมีหน้าที่
เป็นผู้ระวังป้องกันรักษาพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคล้ายกับน่าที่ราชองครักษ์
แลคอยตรวจตรามิให้ผู้ใดแปลกปลอมเข้าไปในพระราชฐานที่ประทับ
[๑]
ในเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับแรมในพระบรมมหาราชวัง
พระตำรวจหลวงต้องไปอยู่เวร ณ
ตึกที่ทำการที่ศาลาว่าการกรมพระอาลักษณ์
ริมประตูพิมานชัยศรีด้านทิศตะวันตก
(ปัจจุบันเป็นที่ทำการสำนักราชเลขาธิการ)
โดยแบ่งพื้นที่ครึ่งด้านตะวันออกเป็นส่วนของราชองครักษ์
และครึ่งทางด้านตะวันตกเป็นที่ทำการกรมพระตำรวจหลวงรักษาพระองค์
 |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงเครื่องพระภูษาขาว
ในการพระบรมศพสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนี พันปีหลวง
เสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนราบ
มีพระตำรวจหลวงแห่นำ
จากเกยลาหน้าพระที่นั่งภาณุมาศจำรูญ
(พระที่นั่งบรมพิมาน)
ไปประทับเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท |
เวลา ๑๖ น.
ตั้งแถวหมวดรักษาการณ์ที่หน้าที่ทำการของกรม
ถ้าไม่เสด็จออกนอกเขตพระราชฐาน เวลา ๒๑ น. เลิกแถว
ถ้าเสด็จออกนอกเขตพระราชฐานเสด็จผ่านผู้บังคับหมวดต้องบอกแถวทำวันทยาวุธ
ขลุ่ยกลองทำพลงสรรเสริญพระบารมี
เมื่อจบแล้วผู้บังคับ
หมวดบอกเรียบวุธ
นายตำรวจหรือพลตำรวจที่เข้าแถวหมวดรักษาการณ์ใช้หอกทุกคน
เว้นแต่ผู้บังคับหมวดคนเดียวสะพายดาบ
ถ้าเสด็จประทับที่พระที่นั่งบรมพิมาน
ต้องวางยามที่ท้องพระโรงอัฒจันทร์หน้าเป็นยามคู่หนึ่ง
หน้าที่ยามเดี่ยวอยู่ทางด้านใต้ที่น้ำพุอีกแห่ง ๑
หน้าที่ยามตรวจชั้นนายตำรวจสำหรับตรวจรอบบริเวณอีกหน้าที่หนึ่ง
ยามหน้าหมวดอีก
หนึ่งหน้าที่ ยามประจำที่ใช้หอกทุกหน้าที่
ยามตรวจสะพายดาบ ยามอยู่ผลัดละ ๓ ชั่วโมง
หมวดรักษาการณ์อยู่ ๒๔ ชั่วโมง
เปลี่ยนหมวดรักษาการณ์ เวลา ๑๐ น. หมวดที่ออกเวรไป
พักได้หนึ่งวัน พอรุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง เวลา ๑๐ น.
ต้องไปอยู่เวรสมทบที่กรมเพื่อปฏิบัติงานจนวันรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งเป็นวันว่าง
รุ่งขึ้นอีกวันต้องมาเข้าเวรอยู่หมวดรักษาการณ์
เมื่อเวลา
จะออกเวรผู้บังคับหมวดต้องบันทึกหน้าที่ยามไว้ในสมุดว่า
ใครอยู่ผลัด ๑ ผลัด ๒ ผลัด ๓ ผลัด ๔
และเข้ายามเวลาไหน ออกยามเวลาไหน ทุกๆ หน้าที่
ยามท้องพระโรงมีหน้าที่จดคนภายนอกผ่านขึ้นเวลาไหน
ผ่านลงเวลาไหน
ตลอดจนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จผ่านขึ้นผ่านลง
ก็ต้องจดเหมือนกัน มีหน้าที่ตีมโหระทึกตามโมงยาม
ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ต้องบันทึกไว้ในสมุด
กับคัดเรื่องที่บันทึกไว้ในสมุดส่งไปรายงานกรมอีกฉบับหนึ่ง
ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ประทับแรมพระราชวังดุสิต พระที่นั่งอัมพรสถาน
ตำรวจหลวง ร.อ.
ที่จะไปอยู่หมวดรักษษการณ์ต้องไปพร้อมที่กรมมโหรสพ
(วังจันทร์)
[๒]
เพราะพลตำรวจหลวง ร.อ. เป็นพวกมโหรสพ
อยู่พร้อมกัน ณ ที่นั้น นายตำรวจหลวง ร.อ.
จึงไปพร้อมกันที่นั้น แล้วจึงเดินแถวจากกรมมโหรสพ
มัขลุ่ย กลอง นำเข้าในพระราชวังดุสิต
ถึงพระที่นั่งสีตลาภิรมย์ ตั้งหมวดรักษาการณ์ ณ
ที่นั้น
เวลาออกเวรก็ต้องเดินแถวจากพระที่นั่งสีตลาภิรมย์
ไปเลิกแถวที่กรมมโหรสพ
การวางยามพระที่นั่งอัมพรสถาน
ยามคู่ที่อัฒจันทร์หน้าท้องพระโรง ๑ หน้าที่ใช้หอก
ยามตรวจรอบบริเวณ ๑ หน้าที่สะพายดาบ ยามหน้าหมวด ๑
หน้าที่ใช้หอก
ยามท้องพระโรงมีหน้าที่ตีมโหรทึกตามโมงยาม
เวลากลางคืนมีประโคมย่ำยาม คือเวลายาม ๑
ต้องย่ำมโหรทึก และคนขลุ่ยกลอง
เป่าแตรงอนประสานเสียงไปพร้อมกันกับย่ำมโหรทึกนานประมาณ
๓ นาทีแล้วหยุด เมื่อหยุดประโคมย่ำแล้ว ตีมโหรทึก
๓ ที ยาม ๒ ก็ประโคมเหมือนกับยาม ๑
เมื่อหยุดประโคมแล้วตีมฌหรทึก ๖ ที ยาม ๓
ก็ประโคมเหมือนกับยาม ๒
เมื่อหยุดประโคมแล้วตีมโหรทึก ๙ ที ยาม ๔
ก็ประโคมเหมือนกับยาม ๓
เมื่อหยุดประโคมแล้วตีมโหรทึก ๑๒ ที (คือ ๖ น.
หรือย่ำรุ่ง)
ในระหว่างอยู่เวรรักษาการณ์
ถ้าเกิดเพลิงไหม้ขึ้นในเขตพระนคร
ผู้บังคับหมวดรักษาการณ์ต้องสั่งให้เตรียมพร้อมสั่งจำเพาะนายตำรวจ
๔ นาย ให้เตรียมตัวที่จะขึ้นรถยนต์หลวงตามเสด็จ
เพื่อเสด็จทอดพระเนตรไฟ
ส่วนผู้บังคับหมวดให้ตามเสด็จไปกับรถยนต์ราชองครักษ์ตามเคย
ส่วนนายตำรวจ ๔ นายนั้น
เมื่อตามเสด็จไปถึงรถยนต์พระที่นั่งให้ยืนรักษาพระองค์ข้างละ
๒ คน คอยกันคนไม่ให้เข้าไปใกล้รถพระที่นั่ง
ถ้าเสด็จลงจากรถพระที่นั่ง ให้ตำรวจ ๔ นาย
นำเสด็จและกันคน รักษาพระองค์จนเสด็จกลับ
[๓]
|
ในกรณีเสด็จประพาสหัวเมืองหรือประทับแรมนอกพระนคร
เป็นหน้าที่สมุหพระตำรวจจัดพระตำรวจประจำการหมวดหนึ่งออกไปคอยรับเสด็จ
ณ ตำบลหรือเมืองที่จะเสด็จไปประทับ
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินวัน ๑ หรือ ๒ วัน
โดยให้นายตำรวจในหมวดนั้น ๔
นายโดยเสด็จพระราชดำเนินไปในกระบวนจนส่งเสด็จถึงที่ประทับ
ส่วนผู้บังคับหมวดนั้นต้องล่วงหน้าไปตรวจเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและตำรวจภูธรวางยามรักษาราชการ
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงที่หรือค่ายประทับแรมแล้ว
ผู้บังคับหมวดต้องรายงานเจ้าหน้าที่ประจำซองให้ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
และรายงานให้เสนาบดีหรือข้าราชการผู้ใหญ่ในกระทรวงที่โดยเสด็จพระราชดำเนินทราบ
กับมีหน้าที่จัดวางยามในหมวดของตน ณ
ที่ใดที่หนึ่งซึ่งใกล้กับที่ประทับ
ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ที่ตามเสด็จไปจากกรุงเทพฯ
เป็นเวรยามประจำจุดชั้นนอกโดยรอบที่ประทับ
และที่ชั้นนอกรอบกำแพงพระราชฐานหรือค่ายประทับแรมเป็นหน้าที่ของทหารและตำรวจในพื้นที่ที่มาสมทบจัดวางเวรยามถวายความปลอดภัย
หน้าที่ของพระตำรวจอีกอย่างหนึ่ง คือ
การนำเสด็จและถวายความปลอดภัยในระหว่างเสด็จพระราชดำเนินไปแห่งหนใดไม่ว่าจะโดยสถลมารคหรือชลมารค
นายตำรวจต้องโดยเสด็จด้วย ๑ นายสำหรับรักษาราชการ
ถ้าที่ใดคนพลุกพล่านสมควรที่ตำรวจจะต้องนำเสด็จไล่ผู้กันคน
ผู้อยู่ทางขวาต้องรับผิดชอบทางขวา
ผู้อยู่ทางซ้ายต้องรับผิดชอบทางซ้าย
ให้สังเกตดูสองข้างทางว่า จะมีคนเมาคนวิกลจริต
หรือผู้ที่จะคิดประทุษร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ถ้าพบเห็นให้ลงมือจับกุมได้ทันที
ถ้าผู้นั้นไม่ยอมให้จับโดยดี ทั้งมีอาวุธต่อสู้
เราก็ต้องใช้อาวุธตามควรแก่การ
ส่วนระยะทางใกล้ไกลหรือจำนวนข้าราชการที่จะนำเสด็จนั้นแล้วแต่ภิมิประเทศและเหตุการณ์
เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาจะสั่ง เช่น
ในพระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ระยะทางใกล้
ใช้นายตำรวจ ๔ นาย
นำเสด็จออกจากรถพระที่นั่งถึงอัฒจันทร์
จากอัฒจันทร์ถึงรถพระที่นั่งส่วนที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามระยะทางไกลต้องนายและพลตำรวจทั้งหมวดนำเสด็จจากรถพระที่นั่งถึงกำแพงแก้ว
ให้คู่หน้าเลี้ยวขวาไปตามกำแพงแก้ว
คงเหลือนายตำรวจ ๔ นาย
นำขึ้นพระอุโบสถทางอัฒจันทร์กลาง
เข้าไปหยุดยืนในพระอุโบสถยืนต่อจากบานประตูข้างละ
๒ นาย เมื่อเสด็จถึงให้ถวายความเคารพ
เมื่อเสด็จผ่านไปแล้วลงทางเดิมจะไปลงทางอื่นไม่ได้...
เมื่อเสด็จประทับในพระอุโบสถ
ผู้บังคับหมวดต้องตำรวจคู่หนึ่งยืนยามเกียรติยศที่อัฒจันทร์กลาง
ตำว่ายามเกียรติยศนั้นต้องยืนระวังตรงจริงๆ
จะกระดุกกระดิกไม่ได้ ใช้หอก...
ส่วนผู้บังคับหมวดกับนายตำรวจ ๔ นายที่นำเสด็จ
ต้องนั่งรักษาการณ์อยู่แถวหน้าพระอุโบสถ
ให้คอยนำเสด็จกลับที่อัฒจันทร์กลาง
ตำรวจนอกนั้นต้องเข้าแถวอยู่ข้างที่ช่องทางกำแพงแก้ว
นำส่งถึงรถพระที่นั่งเป็นเสร็จพิธี
[๔]
|
ในการเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารคซึ่งจัดกระบวนเป็น
๔ สาย
พระตำรวจหลวงอยู่สายนอกขวาและซ้ายคู่กับมหาดเล็ก
ในกรณีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน
เมื่อเทียบพระราชยานที่เกยหน้าพระอารามแล้ว
ในระหว่างเสด็จประทับพลับพลาเปลื้องเครื่องก่อนเสด็จเข้าสู่พระอาราม
พระตำรวจหลวงที่ไปในกระบวนแยกออกจากกระบวน ๘
นายไปนำเสด็จจากเกยเข้าในพระอุโบสถ
แล้วนำเสด็จจากพระอุโบสถถึงเกยทุกๆ วัดจนเสร็จพิธี
ส่วนการเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานผ้าพระกฐินโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค
กรณีเป็นกระบวนเรือพายที่จัดกระบวนเรือเป็น ๓ สาย
พระตำรวจหลวงอยู่สายกลาง ลงเรือกันยานำเสด็จ ๒ ลำๆ
ละ ๑ นาย อยู่หน้าเรือกลองนอก ๑ ลำ
อยู่หน้าเรือกลองใน ๑ ลำ กับมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
๔ นาย ลงเรือตามเสด็จลำละ ๑ นาย ไม่ต้องขึ้นบก
ส่วนกรณีเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนเรือยนต์พระที่นั่ง
พระตำรวจหลวงลงเรือยนต์ของกรมเรือยนต์ ๒ ลำๆ ละ ๒
นาย ไม่ต้องขึ้นบก กับมีพระตำรวจหลวง ๑
หมวดไปคอยนำเสด็จที่วัดทั้งสองกรณี
 |
พระพุทธรูปประจำพระชนม์พรรษา
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ในการเสด็จออกขุนนาง คือ
เสด็จออกท้องพระโรงให้ข้าราชการทุกกระทรวงเฝ้าฯ
ซึ่งตามปกติจะมีทุกสัปดาห์ในตอนเย็นวันพฤหัสบดี
เว้นแต่มีพระราชกิจอื่นก็เป็นอันงด
ในการนี้เจ้าหน้าพนักงานวรอาสน์จัดเตรียมเก้าอี้ไว้ในท้องพระโรงเป็นสองพวก
ทางขวาพวกหนึ่ง ทางซ้ายพวกหนึ่ง
เว้นช่องกลางไว้เป็นทางเดินกว้างประมาณ ๑ เมตร ราว
๑๗ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก
ทรงปิดทองพระพุทธรูปพระชนมพรรษา
ในระหว่างที่ทรงปิดทองพระนั้น
พระตำรวจหลวงเดินแถวเรียงหนึ่งเข้าไปยืนช่องกลางแล้วถวายคำนับ
เมื่อทรงปิดทองพระเสร็จแล้วเสด็จไปประทับยืนบนพระแท่น
พระตำรวจหลวงถวายคำนับ เจ้าพนักงานประโคมมโหระทึก
แตรฝรั่ง (แตรยาว) เพลงฮ่อแห่ เมื่อจบเพลงแล้ว
ประทับพระราชอาสน์
พระตำรวจหลวงถวายคำนับแล้วนั่งทางขวา
กรมวังเชิญข้าราชการเข้านั่งในท้องพระโรง
ทหารนั่งตามตำแหน่งทางขวาที่ประทับ
พลเรือนนั่งทางซ้ายที่ประทับ
พระตำรวจหลวงจัดวางยามเกียรติยศคู่หนึ่งที่พระทวารหน้า
เมื่อข้าราชการเข้านั่งเรียบร้อยแล้ว
ปลัดทูลฉลองกราบบังคมทูลเบิกข้าราชการในกระทรวงของตนเฝ้าฯ
กราบถวายบังคมลาไปต่างประเทศหรือกลับจากต่างประเทศ
หรือกราบถวายบังคมลาไปหัวเมืองหรือกลับจากหัวเมือง
เสร็จแล้วพระราชทานสัญญาบัตร เหรียญตรา
แล้วเสด็จขึ้น เจ้าพนักงานประโคมมโหระทึก แตรฝรั่ง
(แตรยาว) เพลงแมลงวันทอง จบเสียงประโคมแล้ว
ข้าราชการจึงออกจากท้องพระโรง
เป็นเสร็จพิธีออกขุนนางสำหรับวันนั้น