ด้านศิลปวัฒนธรรม
เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูหัวเสด็จนิวัติพระนครในปี
พ.ศ. ๒๔๔๕ นั้น ได้ทราบฝ่าละอองพระบาทว่า
ศิลปวัฒนธรรมไทยแขนงต่างๆ ทั้งสถาปัตยกรรม
ศิลปกรรม นาฏดุริยางศิลป์ และวรรณศิลป์
ล้วนถูกวัฒนธรรมตะวันตกซึ่งเข้ามาพร้อมกับชาวต่างประเทศและนักเรียนไทยที่จบการศึกษามาจากยุโรปกลืนกินไปจนเกือบจะหมดสิ้น
หากไม่ทรงเร่งสนับสนุนและจัดให้มีการสืบทอดงานศิลปวัฒนธรรมเหล่านั้นไว้
มรดกวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษไทยได้สร้างสมกันมาช้านานก็จะถึงกาลสิ้นสูญเพราะไร้ผู้สืบทอด
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ข้าราชบริพารในพระองค์ได้ฝึกซ้อมโขนละครจนเกิดความชำนาญ
สามารถออกโรงแสดงได้จริงในนาม โขนสมัครเล่น
มาแต่ครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระยุพราช
ครั้นเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว
ก็ได้โปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งกรมมหรสพขึ้นเป็นกรมชั้นอธิบดีในสังกัดกรมมหาดเล็กหลวง
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๔
เพื่อรับผิดชอบราชการด้านนาฏดุริยางคศิลป์ คือ
กรมโขนและพิณพาทย์มหาดเล็ก กรมปี่พาทย์หลวง
รวมทั้งกองเครื่องสายฝรั่งหลวงซึ่งโปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งขึ้นเป็นวงดุริยางค์ชนิดออร์เคสตรา
(Orchestra)
วงแรกของประเทศไทยและภาคพื้นเอเชียอาคเนย์
ในส่วนงานช่างศิลปกรรม ก็ได้โปรดเกล้าฯ
ให้ยกงานประณีตศิลป์ซึ่งกระจายกันอยู่ในกระทรวงโยธาธิการ
และกรมพิพิธภัณฑ์ กระทรวงธรรมการ
มารวมขึ้นในกรมศิลปากรที่โปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งขึ้นใหม่เป็นส่วนราชการสังกัดกระทรวงวัง
ทั้งยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้ตั้งโรงเรียนทหารกระบี่หลวง [๑]
ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗
เป็นโรงเรียนที่มุ่งเน้นฝึกหัดกุลบุตรให้มีความรู้ความชำนาญในวิชานาฏดุริยางคศิลป์
เพื่อสืบทอดศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่ามิให้ต้องเสื่อมสูญไป
นักเรียนพรานหลวงที่ได้ร่วมสืบทอดศิลปวิทยาการนาฏดุริยางคศิลป์ไทยมาจนถึงปัจจุบัน
มีอาที นายรงคภักดี (เจียร จารุจรณ) ศาสตราจารย์
ดร.คลุ้ม วัชโรทัย ศาสตราจารย์มนตรี ตราโมท
นายเอื้อ สุนทรสนาน และนายอาคม สายาคม เป็นต้น
ส่วนงานด้านสถาปัตยกรรมนั้น นอกจากจะโปรดเกล้าฯ
ให้ดำเนินการก่อสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคมและพระที่นั่งศรเพชรปราสาท
ที่ค้างมาแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจนแล้วเสร็จ
ในส่วนพระองค์ก็ทรงมีพระราชดำริว่า
...เมื่อเราต้องดำเนิรตามสมัยใหม่
วิชาช่างของเราก็จะชวนจะลืมเสียหมด
ไปหลงเพลินแต่จะเอาอย่างของคนอื่นเขาถ่ายเดียว
ผลในที่สุดก็คือกรุงเทพฯ
เดี๋ยวนี้เต็มไปด้วยสถานที่อันเป็นเครื่องรำคาญตาต่างๆ
แท้จริงวิชาช่างเปนวิชาพื้นเมือง
จะคอยแต่เอาอย่างของคนอื่นถ่ายเดียวไม่ได้
เพราะงามของเขาไม่เหมาะแก่ตาเรา
แลฐานะของเขากับของเราต่างกัน
ที่ถูกนั้นควรเราจะแก้ไขพื้นวิชาของเราให้ดีขึ้นตามความรู้
แลวัตถุอันเกิดขึ้นใหม่ตามสมัย...
[๒] |
 |
พระที่นั่งวัชรีรมยา และ
พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ ในพระราชวังสนามจันทร์ |
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ก่อสร้างพระที่นั่งและพระตำหนักภายในพระราชวังสนามจันทร์หลายองค์ด้วยศิลปสถาปัตยกรรมไทยอันงดงาม
เช่น
พระตำหนักทับขวัญเป็นหมู่เรือนคหบดีไทยภาคกลาง
พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย
เป็นศาลาโถงทรงไทยขนาดเล็ก
พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์เป็นท้องพระโรงโถง
และพระที่นั่งวัชรีรมยา
เป็นพระที่นั่งทรงไทยสองชั้นที่เชื่อมต่อกับพระที่นั่งพิมานปฐมซึ่งก่อให้เกิดการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัว
และเมื่อโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างตึกบัญชาการโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
[๓]
กับหอสวดและหอนอนโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
[๔]
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ก็ได้โปรดเกล้าฯ
ให้ตกแต่งอาคารที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมตะวันตกนั้นด้วยลวดลายอย่างแบบไทย
ทำให้เกิดเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ที่เรียกกันว่า
สถาปัตยกรรมไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
หรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า
ฝรั่งแต่งเครื่องไทย
และในตอนปลายรัชสมัยยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนิกชาวอิตาเลียนออกแบบก่อสร้างบ้านนรสิงห์
[๕]
และ บ้านบรรทมสินธุ์ [๖]
พระราชทานแก่ข้าราชบริพารในพระองค์ด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปอีกด้วย
 |
หอสวดหรือหอประชุมวชิราวุธวิทยาลัย
ซึ่งมีโครงสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค
แต่โปรดเกล้าฯ
ให้แปลงหลังคาและซุ้มหน้าต่างเป็นแบบไทย |
 |
ภาพล้อฝีพระหัตถ์ มหาปริญญามาตย์นายก
ทรงล้อ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เปรียญ
เสนาบดีกระทรวงนครบาล |
ในด้านงานจิตรกรรมและประติมากรรมนั้น
นอกจากจะทรงรับเป็นพระบรมราชูปถัมภกงานด้านจิตรกรรมและประติมากรรมของชาติแล้ว
ในส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก็โปรดการวาดภาพ
ทั้งยังได้ทรงวาดภาพฝีพระหัตถ์หลายชุดพระราชทานไปลงพิมพ์ในดุสิตสมิตอยู่เสมอ
เฉพาะอย่างยิ่งภาพล้อฝีพระหัตถ์ซึ่งทรงวาดเป็นภาพบุคคลในเครื่องแบบและอิริยาบถต่างๆ
นั้น
บุคคลในภาพนั้นได้ขอพระราชทานซื้อภาพนั้นไปด้วยราคาสูง
ส่วนเงินรายได้จากการจำหน่ายภาพนั้นได้พระราชทานไปสมทบกิจการสาธารณกุศลทั้งสิ้น
ทั้ง ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้ว่าจ้าง นายกาลิเลโอ
คีนิ (Galileo Chini) และนายคาร์โล ริโกลี (Carlo
Rigoli)
จิตรกรชาวอิตาเลียนมาสรรสร้างงานจิตรกรรมแบบปูนเปียก
(Fresco) ภาพพระราชกรณียกิจสำคัญในรัชกาลที่ ๑ - ๖
ไว้ที่โดมพระที่นั่งอนันตสมาคม
ทั้งยังได้พบหลักฐานเป็นจดหมายโต้ตอบระหว่างนายมาริโอ
ตามานโญ (Mario Tamagno)
สถาปนิกผู้ออกแบบก่อสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม
กับนายคีนิซึ่งเวลานั้นเดินทางกลับไปอิตาลี
โดยมีความตอนหนึ่งกล่าวว่า
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานคำแนะนำให้
...ริโกลีร่างภาพที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้แต่งเติมในจิตรกรรมฝาผนังนั้นลงบนกระดาษ
แล้วจึงนำภาพลงสีที่ว่านี้ไปทดลองวางในตำแหน่งจริงเพื่อตรวจดูผลก่อน
ผมสามารถรับรองกับอาจารย์ได้ว่า
การดัดแปลงที่ทำนี้
หาได้ทำให้ภาพเฟรสโกเปลี่ยนไปแต่อย่างใดไม่
ตลอดจนลักษณะรวมของภาพ สี น้ำหนักสี แสงเงา
ลักษณะทั่วๆ ไป หรือแม้กระทั่งรายละเอียดของภาพ
ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ... [๗] |
นอกจากงานจิตรกรรมแบบปูนเปียกที่โดมพระที่นั่งอนันตสมาคมแล้ว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้นายริโกลีสรรสร้างผลงานอันเป็นมรดกอันทรงคุณค่าทางศิลปกรรมของชาติไว้อีกหลายชิ้น
อาทิ
พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งได้โปรดพระราชทานไว้
ณ สถานที่ต่างๆ หลายองค์
ภาพพระอาทิตย์ชักรถไว้ที่โดมพระที่นั่งบรมพิมาน
ภายในพระบรมหาราชวัง
ภาพเทพบุตรน้อยสี่ตนดีดสีตีเป่าเครื่องดนตรีสี่ชิ้นที่เพดานห้องพระบรรทม
พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน
รวมทั้งภาพสมุดไทยที่เพดานพระที่นั่งพิมานจักรี
และภาพหญิงท้องพร้อมเด็กน้อยที่เพดานพระที่นั่งศรีสุทธนิวาศ
ภายในพระราชวังพญาไท ทั้งยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้จิตรกรไทยจากกรมช่างโยธามหาดเล็กร่วมกันเขียนภาพเทพชุมนุมไว้ที่ห้องพระเจ้า
ภายในพระที่นั่งพิมานปฐม พระราชวังสนามจันทร์
รวมทั้งพระวิหารหลวงวัดพระปฐมเจดีย์ด้วย
อนึ่ง ในระหว่างรัชสมัยนั้นนอกจากจะโปรดเกล้าฯ
ให้จ้างนายแอร์โคเล มันเฟรดี (Ercole Manfredi)
[๘]
สถาปนิกชาวอิตาเลียนมาประจำรับราชการเป็นนายช่างสถาปัตยกรรมประจำพระราชสำนัก
เพื่อสืบสนอง
พระบรมราชปณิธานในการสนับสนุนงานศิลปะและหัตถกรรมพื้นบ้าน
โดยมี
...พระราชประสงค์จะให้ผสมผสานความประณีตงดงามตามแบบไทย
เข้ากับพลังและความสมจริงของศิลปะตะวันตก...
[๙]
 |
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
ทรงฉายพระรูปพร้อมด้วยศาสตราจารย์ ซี. เฟโรจี (ศิลป์
พีรศรี)
ที่หน้าพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งต่อมาได้เชิญไปประดิษฐาน
ณ ปราสาทพระเทพบิดร |
ในตอนปลายรัชสมัยยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้จ้างศาสตราจารย์ ซี. เฟโรจี (Prof. Corrado.
Feroci) [๑๐]
ประติมากรชาวเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
ผู้ชนะการประกวดออกแบบเหรียญเงินของประเทศสยามเข้ามารับราชการ
เป็นประติมากรประจำพระราชสำนัก
และต่อมาได้เป็นผู้วางรากฐานการศึกษาทางด้านศิลปะของประเทศไทยจนพัฒนามาเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากรสืบมาจนถึงปัจจุบัน