ต่อมาวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๕
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายกองตรี
พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช
[๑]
เสนาบดีกระทรวงกลาโหม
ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษเสือป่า กองมณฑลนครไชยศรี
และต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงรับเป็นผู้บังคับการพิเศษกรมเสือป่ารักษาดินแดนมณฑลนครไชยศรี
มณฑลนครศรีธรรมราช และมณฑลภูเก็ตเพิ่มเติมอีก ๓
กรม
 |
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี
พันปีหลวง
นายเสือป่าพิเศษ กรมเสือป่าหลวงรักษาพระองค์
ทรงเครื่องนายเสือป่าหญิง
คราวเสด็จพระราชดำเนินปราสาทหินพิมาย
จังหวัดนครราชสีมา
เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๔ |
นอกจากนั้นยังพบหลักฐานอีกว่า ได้โปรดเกล้าฯ
ให้สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ทรงเป็นนายเสือป่าพิเศษ
และเป็นนายเสือป่าหญิงพระองค์แรกด้วย
 |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงเครื่องเต็มยศ นายพลเสือป่า
ผู้บังคับการพิเศษกรมเสือป่าหลวงรักษาดินแดนภูเก็ต |
ตำแหน่งผู้บังคับการพิเศษนี้
นอกจากจะเป็นการพระราชทานเกียรติยศพิเศษแก่กรมเสือป่านั้นๆ
แล้ว
ผู้บังคับการพิเศษยังต้องทรงเป็นพระราชธุระและพระธุระสอดส่องตรวจตรากิจการของกรมกองเสือป่านั้นๆ
ในฐานะพระบรมราชูปถัมภก
และพระอุปถัมภกของกรมกองเสือป่านั้นๆ ด้วย
อนึ่ง
เนื่องจากการป้องกันประเทศล้วนเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน
เมื่อบรรดาข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยในหัวเมืองมณฑลต่างๆ
ทั่วพระราชอาณาจักรสมัครเข้าเป็นสมาชิกเสือป่ากันแล้ว
บรรดาคหบดี พ่อค้า และประชาชนในหัวเมืองมณฑลต่างๆ
ก็ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกเสือป่า จนปรากฏว่า
"ตามจังหวัดโดยมากจัดเปนกองพัน ๔ กองร้อยบ้าง, ๒
กองร้อยบ้าง,
ตามอำเภอจัดเปนกองร้อยบ้างเปนหมวดบ้าง,
ตามตำบลจัดเปนหมวดบ้างเปนหมู่บ้าง; มณฑลต่างๆ
ก็ขยายการปกครองออกเปนกองเสนาใหญ่น้อย,
มีเหล่าราชนาวีเสือป่า, เหล่าม้า, เหล่าพราน,
และอื่นๆ ตามลักษณะแห่งท้องที่."
[๒]
ดังตัวอย่างที่ "สักขี" ได้บันทึกไว้ใน
"จดหมายเหตุระยะทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลปักษ์ใต้
ตั้งแต่วันที่ ๔ มิถุนายน ถึง วันที่ ๕ สิงหาคม
พ.ศ. ๒๔๕๘" ว่า
"ข้าพเจ้าได้สืบสวนถึงระเบียบการเสือป่ามณฑลนครศรีธรรมราชได้ทราบว่าเสือป่า
๔ กองร้อยนั้น กองร้อยที่ ๑ กับกองร้อยที่ ๓
เปนข้าราชการแลชาวเมืองสงขลา กองร้อยที่ ๑
เปนกองร้อยรักษาพระองค์
สมาชิกล้วนเปนข้าราชการประจำมณฑลแลคฤหบดีพ่อค้าต่างๆ
รวมประมาณ ๑๒๕ คน เปนชายฉกรรจ์รุ่นหนุ่มโดยมาก
ในจำนวนนี้มีคฤหบดีที่ไม่ต้องประจำราชการถึง ๑
ในส่วน ๓
ถึงสมาชิกที่เปนข้าราชการโดยมากก็เปนกองประจำมณฑล
ซึ่งอาจจะย้ายไปที่ใดๆ ก็ได้
เช่นคราวเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้
สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ
[๓]
สมุหเทศาภิบาลจะโดยเสด็จตลอดเขตร์มณฑล กองร้อยที่
๑ รักษาพระองค์จะตามเสด็จด้วย
สมุหเทศาภิบาลได้เชิญดวงตราสำหรับมณฑลไปด้วย
เมื่อมีเหตุการณ์อันใดก็อาจจะสั่งเจ้าหน้าที่ซึ่งพร้อมหน้ากันอยู่
ปฏิบัติไปได้ทันท่วงที เพราะการส่งข่าวคราว
มีโทรเลขโทรศัพท์แลรถไฟรถยนตร์ใช้ได้ทั่วถึงโดยสดวก
ส่วนกองร้อยที่ ๓ สมาชิกเปน ข้าราชการประจำท้องที่
คือ กรมการอำเภอโดยมาก
มีน่าที่รักษาการตามท้องที่พร้อมด้วยกำนันผู้ใหญ่บ้าน
กองร้อยที่ ๒ เปนเสือป่าเมืองนครศรีธรรมราช
มีหมวดอิศร (หมวดที่ ๕)
ที่อำเภอปากพนังแลพังไกรสมทบกองร้อยที่ ๒ นี้ด้วย
กองร้อยที่ ๔ เปนเสือป่าเมืองพัทลุง"
[๔] |
อนึ่ง ในการจัดกำลังพลของกองเสือป่าเป็นกองเสนา
หรือเดิมเรียกว่า "กองพล" นั้น พบหลักฐานว่า
ได้โปรดให้จัดการบังคับบัญชาเสือป่าเป็นกองพลมาตั้งแต่
พ.ศ. ๒๔๕๖ ดังมีความปรากฏใน
"ประกาศรับสมาชิกมณฑลกรุงเทพฯ
เข้าประจำการในกองพลเสือป่าหลวง (รักษาพระองค์)"
ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เสนาธิการเสือป่าออกประกาศไว้เมื่อวันที่ ๒๔
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๖ ว่า
"ในการฝึกหัดประลองยุทธ์เสือป่าคราวเดือนกุมภาพันธ์ที่แล้วมานี้
ความได้ทราบฝ่าลอองธุลีพระบาทว่า
มีสมาชิกเสือป่าในกองพลมณฑลกรุงเทพฯ
บางคนต่างมีความปรารถนาจะสมัคเปนสมาชิกอยู่ในกองพลหลวง
(รักษาพระองค์)
แต่เปนการข้องขัดซึ่งตนมิได้มีโอกาศจะสมัคได้เพราะเกี่ยวติดน่าที่ราชการด้วยประการต่างๆ
แลซ้ำยังมิทันได้ทราบความมุ่งหมายแห่งระเบียบสมาชิกกองพลหลวงว่า
เพราะเหตุไรจึ่งได้เลือกรับผู้ที่เปนข้าในพระราชสำนักนั้น
จึงเลยพากันเข้าใจผิดต่างๆ นาๆ
(ประดุจหนึ่งเปนการกีดกันไม่ยอมให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยตามกระทรวงทบวงการนอกๆ
ได้มีโอกาศเฝ้าแหน
หรือรับราชการฉลองพระเดชพระคุณโดยใกล้ชิดเปนการสม่ำเสมอหน้าเหมือนข้าในพระราชสำนักฉนั้น
เพื่อที่จะป้องกันมิให้เปนการเข้าใจผิดตามเหตุผลที่กล่าวมานี้
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เสนาธิการเสือป่ารับพระบรมราชโองการแจ้งไปให้บรรดาผู้บังคับบัญชาในกองพลมณฑลกรุงเทพฯ
ทราบไว้ว่า
การรับสมัคเปนสมาชิกกองพลหลวง (รักษาพระองค์) นั้น
จะได้มีพระราชประสงค์เลือกรับก็มิได้
ถึงข้าราชการกระทรวงทบวงการนอกๆ
ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รับสมัคเปนสมาชิกได้เช่นเดียว
แต่บรรดาผู้ที่จะสมัคเปนสมาชิกในกองพลหลวง
(รักษาพระองค์) นั้น
เปนธรรมดาอยู่เอ็งที่ต้องเลือกบุคคลที่มีความสามารถจะปฏิบัติน่าที่ได้มิเปนการติดขัดอย่างหนึ่งอย่างใด
ซึ่งมีลักษณ์ คือ -
๑ บรรดาผู้ที่มียศนับแต่ชั้นนายเวร
(หรือตำแหน่งที่เทียบกับชั้นนี้) ลงไป
๒ ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง
มีความสามารถอดทนที่จะกระทำน่าที่ได้ทุกเมื่อ
ไม่ขาด
แลถ้ามีการฝึกหัดออกไปตั้งค่ายพักแรมตามหัวเมืองต่างๆ
เปนเวลาบางครั้งบางคราว
ก็ให้ออกไปด้วยได้มิเปนการติดขัด
๓ ในการสมัคตามที่ว่ามานี้
ควรตนจะปฤกษาหารือต่อผู้ที่เปนนายเหนือตนเสียก่อนว่า
จะเปนการสดวกแลจะอนุญาตหรือไม่
ถ้าเปนการตกลงจะทำน่าที่ได้
จึงให้รับสมัคได้ทีเดียว
ให้ทำใบสมัคยื่นที่เสนาธิการกองพลหลวง
(รักษาพระองค์)
อนึ่งทรงพระราชปรารภว่า
สมาชิกบางคนที่เปนมีกำลังทุนทรัพย์น้อย
ซึ่งไม่สามารถจะเสียค่าพาหะนะไปมาในการฝึกหัดนั้น
เปนการสมควรจะได้รับพระบรมราชอุปถัมภ์พิเศษ
เพราะฉนั้นในการไปมาสำหรับการฝึกหัดต่อไป
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ยกระบัตร์เสือป่าจัดรถยนตร์สำหรับคอยรับส่งที่ศาลหลักเมือง
ซึ่งเปนที่รวมหนทางที่ใกล้กับสถานที่ทำการของกระทรวงต่างๆ
ในวันฝึกหัดทุกๆ วัน
เพื่อให้เปนการสดวกแก่สมาชิกโดยมิต้องคิดราคา
อันเปนส่วนพระมหากรุณา
พระราชทานเงินในส่วนพระองค์สำหรับใช้จ่ายในค่าพาหะนะไปมานี้
อนึ่งได้ทรงทราบฝ่าลอองธุลีพระบาทว่า
สมาชิกบางคนมิค่อยได้มีเวลาที่จะกลับไปบ้านเพื่อแต่งตัว
ครั้นถึงเวลาฝึกหัดก็ตรงมายังสโมสรเปนการรีบด่วน
บางคนก็ฝากเครื่องแต่งกายไว้กับที่ใกล้ๆ เคียง
ซ้ำยังจะต้องเสียเวลาไปแต่งอีกก็มี
ซึ่งน่าจะเปนการลำบากอยู่บ้าง
แต่เพื่อที่จะแก้ความข้องขัดตามที่กล่าวมานี้
จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกระ
บัตร์เสือป่าจัดที่รับฝากรักษาเครื่องแต่งกายสมาชิก
แลที่อาบน้ำไว้ที่สโมสรสถานตลอดจนอาหารเครื่องว่างสำหรับพระราชทานให้บรรดาสมาชิกประจำการในกองพลหลวง
(รักษาพระองค์) บรรดาที่ได้มาฝึกหัด
ได้รับพระราชทานเปล่าๆ โดยไม่ต้องคิดราคา"
[๕]
|
นอกจากนั้นยังพบหลักฐานอีกว่า
กองพลเสือป่าที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ นั้น
ในส่วนกลางประกอบด้วย
๑) กองพลหลวง (รักษาพระองค์) มีหน้าที่
"เปนผู้รักษาพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ไม่เกี่ยวแก่การรักษาดินแดนมณฑลหรือภาคใดๆแห่งพระราชอาณาจักรโดยเฉภาะ"
[๖]
มีอัตรากำลังประกอบด้วย
๑.๑ กรมเสือป่าราบหลวง (รักษาพระองค์)
มีกำลังพลในสังกัด ๒ กองพัน คือ
๑.๑.๑ กองพันที่ ๑ มี ๒ กองร้อย คือ
๑.๑.๑.๑ กองร้อยที่ ๑ กองร้อยหลวง
๑.๑.๑.๒ กองร้อยที่ ๓ กองลูกเสือหลวง
๑.๑.๒ กองพันที่ ๒ มี ๒ กองร้อย คือ
๑.๑.๒.๑ กองร้อยที่ ๒ (รักษาพระองค์)
๑.๑.๒.๒ กองร้อยที่ ๔ กองทหารกระบี่หลวง
[๗]
๑.๒ กองเสือป่าม้าหลวง (รักษาพระองค์)
๑.๓ กองพันพิเศษ (รักษาพระองค์) ประกอบด้วย
๑.๓.๑ กองช่างหลวง (รักษาพระองค์)
๑.๓.๒ กองพาหนะหลวง (รักษาพระองค์)
๑.๓.๓ กองเดินข่าวหลวง (รักษาพระองค์)
[๘]
 |
นายร้อยโท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร
นายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
ประทับฉายพระฉายาลักษณ์พร้อมด้วยนายร้อยเอก
หลวงสรสิทธยานุการ (อุ่ม อินทรโยธิน) ราชองครักษ์
และนายทหารในกรมทหารราบเบาเดอรัม
เมื่อคราวเสด็จไปประจำการในกรมทหารราบเบาเดอรัม
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ |