 |
รองหัวหมื่น พระวิเศษศุภวัตร (เทศสุนทร
กาญจนศัพท์ - พระยาวิเศษศุภวัตร)
ผู้บังคับการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่
ถ่ายภาพพร้อมด้วยครูกำกับคณะ ครูแม่บ้าน
หัวหน้าและนักเรียนคณะเด็กเล็ก |
ในส่วนตัวนักเรียนนั้น
นอกจากจะได้รับการศึกษาอบรมตามหลักสูตรหลวงของกระทรวงธรรมการ
รวมทั้งได้รับการฝึกหัดสั่งสอนวิชามหาดเล็กเพิ่มพิเศษจากวิชาสามัญแล้ว
ยังได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เครื่องแบบข้าราชการพลเรือนในพระราชสำนักเช่นเดียวกับนักเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพฯ
ต่างกันแต่เฉพาะที่แผงคอที่เปลี่ยนจากอักษร "ม"
(มหาดเล็กหลวง) เป็นอักษร "ช" (เชียงใหม่)
ดังที่นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวงเชียงใหม่เจ้าไชยสุริวงศ์ ณ
ชียงใหม่ ได้บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า
"...ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
การแต่งกายสุดหล่อมาก
ใครเห็นแล้วก็อยากสวมใส่และอยากเรียนด้วย..."
[๑]
นอกจากนั้นนักเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่ทุกคนยังต้องเป็นนักเรียนเสือป่าเช่นเดียวกับนักเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์อื่นอีก
๓ โรงเรียน นักเรียนเสือป่ามีการฝึกต่างไปจากลูกเสือ
กล่าวคือ นักเรียนเสือป่านั้นถือปืนแทนไม้พลองลูกเสือ
ปืนนั้นเป็นปืนพระราม ๖ จำลอง
ทำด้วยไม้เหมือนปืนจริงทุกอย่าง
ส่วนที่เป็นเหล็กนั้นทาสีดำ แม้กระทั่งลูกเลื่อนก็หมุนได้
เวลาฝึกซ้อมยิงปืนก็ทำท่าเหมือนยิงจริงๆ แต่ไม่มีเสียงปืน
ถ้าจะให้มีเสียงปืนก็ต้องร้องว่า "ปัง"
หรือในเวลาซ้อมรบภาคสนามก็ใช้วิธีจุดประทัดแทน นอกจาก
นั้นยังมีมีไม้ตะขาบซึ่งสมมติเป็นปืนกลหมุนดังแก๊กๆ
สำหรับนักเรียนชั้นโตนั้น
การฝึกส่วนใหญ่จะเป็นการทำนองรบโดยเข้าไปฝึกกันในป่าจริงๆ
เน้นหนักที่การฝึกลาดตระเวณ ฝึกอยู่ยามคอยเหตุ
รวมทั้งการตั้งรับและเข้าตี
ส่วนนักเรียนชั้นเล็กซึ่งก็ยังเป็นเด็กเล็กๆ
นั้นก็ได้แต่ฝึกท่าอาวุธอยู่แต่ในโรงเรียน
พอถึงปลายเดือนธันวาคมของทุกปี
ครูและนักเรียนต้องลงไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในงานประจำปีที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพฯ
และร่วมซ้อมรบเสือป่าประจำปีที่จังหวัดนครปฐมและราชบุรีพร้อมกับทหาร
เสือป่าและลูกเสือในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม ของทุกปี
นอกจากนั้นนักเรียนเสือป่ายังมีภารกิจพิเศษต้องทำหน้าที่จุกช่องล้อมวงถวายอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายกเสือป่า ในทำนองเดียวกับทหารรักษาพระองค์อีกด้วย
ในส่วนการปกครองและอำนวยการจัดการศึกษานั้น
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ครูและนักเรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวงทั้งหมดเป็นข้าราชการสังกัดกรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์
ซึ่งเป็นส่วนราชการหนึ่งในกรมมหาดเล็ก
นอกจากนั้นยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้สภากรรมการจัดการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงทำหน้าที่กำกับดูแลการดำเนิน
งานของโรงเรียนให้เป็นไปตามพระบรมราโชบายที่ได้โปรดพระราช-
ทานไว้เช่นเดียวกับโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ทั้งหลาย
แต่ในส่วนของโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่นี้ได้โปรดเกล้าฯ
ให้มีกรรมการตรวจการและกรรมการพิเศษเฉพาะโรงเรียนนี้ขึ้นอีกคณะหนึ่ง
ประกอบด้วย
 |
(จากซ้าย) เจ้าแก้วนวรัฐฯ
เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ นายพลโท
หม่อมเจ้าบวรเดช (พระวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าบวรเดช)
นายพลตรี เจ้าบุญวาทย์ วงษ์มานิต
เจ้าผู้ครองนครลำปาง นายพันเอก
เจ้าอุปราชมหาพรหม (เจ้ามหาพรหมสุรธาดา)
อุปราชนครเมืองน่าน
เมื่อคราวลงมาเฝ้าฯ ในงาน
"๓ รอบ มโรงนักษัตร"
๑ มกราคม ๒๔๕๙ |
นายพลโท หม่อมเจ้าบวรเดช |
กรรมการตรวจการพิเศษ
|
มหาเสวกโท พระยาสุรบดินทรสุรินทรฦาไชย
[๒]
|
กรรมการตรวจการพิเศษ
|
พระราชชายาเธอ เจ้าดารารัศมี |
กรรมการพิเศษ
|
มหาอำมาตย์โท เจ้าแก้วนวรัฐ [๓]
|
กรรมการพิเศษ
|
มหาอำมาตย์โท เจ้ามหาพรหมสุรธาดา
[๔]
|
กรรมการพิเศษ
|
มหาอำมาตย์ตรี เจ้าจักรคำขจรศักดิ์
[๕]
|
กรรมการพิเศษ
|
มหาอำมาตย์โท เจ้าบุญวาทวงศมานิต
[๖] |
กรรมการพิเศษ |
 |
นายพลตรี สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ
กรมหลวงนครราชสีมา |
อนึ่ง เมื่อครั้งที่นายพลตรี สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา [๗]
เสด็จขึ้นมาตรวจราชการมณฑลภาคพายัพเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๓ นั้น
ได้ทรงกล่าวถึงโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่ไว้ในรายงานการตรวจราชการเมืองนครเชียงใหม่ที่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ
ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า
"...โรงเรียนที่จังหวัดนี้ที่ดีที่สุดนั้น
คือโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
มีระเบียบแบบแผนที่มั่นคง
ทั้งเจ้าหน้าที่ต่างๆก็
บริบูรณเหมือนกับโรงเรียนมหาดเล็กหลวงในกรุงเทพฯโดยมาก
แต่สถานที่ยังเป็นเรื่องที่กำมะลอคือเสาและพื้นไม้
ฝาผนังแผงทั้งสิ้น แต่ที่ทางมีมาก
และวางท่วงทีเหมาะงดงามทุกอย่าง
น้ำใช้ที่โรงเรียนนี้บริบูรณเหลือเกิน
มีท่อแลร่องน้ำไหลหลั่งไปทุกแห่ง
ทั้งนี้เพราะอยู่ใกล้ห้วยแก้ว
น้ำในลำห้วยมีใช้บริบูรณตลอดทั้งปี
และเป็นน้ำสะอาดดีนักด้วย
นักเรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเวลานี้ว่ามีอยู่
๑๐๖ คน
พวกเจ้านายและผู้ดีในเมืองนี้นิยมส่งลูกหลานไปอยู่มาก
แต่ที่เป็นคนสามัญก็มีมากเหมือนกัน
ออกจะน่าเสียใจหน่อยที่ปรากฏว่าบุตร์หลานคนสามัญมักจะเป็นผู้ที่เล่าเรียนดีกว่าผู้ที่มีตระกูล
เด็กผู้ที่มีตระกูลที่ประพฤติเหลวไหลมีบ้าง
เช่นที่ว่าที่เป็นหลานของเจ้าผู้ครองจังหวัด
ซึ่งเคยถึงกับหลบหนีและวุ่นวาย
ผู้ปกครองทำโทษเฆี่ยนตีกันมากมายมีอยู่คนหนึ่ง
การเล่นกีฬาของโรงเรียนนี้เห็นจะเก่งกาจมาก
มีของรางวัลต่างๆที่ตั้งอวดเป็นหลายสิ่ง
วันที่ข้าพระพุทธเจ้าไปดูโรงเรียนนี้ก็มีการเล่นฟุตบอลสู้กับโรงเรียนปรินซรอยแยลให้ดู
โรงเรียนมหาดเล็กหลวงชนะอย่างงดงามมาก
เด็กทั้งปวงดูหน้าตาแจ่มใสแลประเปรียว
เป็นที่น่าชม
ในน่าที่ราชการส่วนมหาดเล็กคราวนี้
เขาตั้งให้ข้าพระพุทธเจ้าเป็นตัวจำลองพระองค์
จัดครูแลเด็กมาให้รับใช้ต่างๆ
ในน่าที่มหาดเล็กตลอดเวลาที่อยู่ที่เชียงใหม่นี้
สังเกตดูความรู้ตามหลักที่จะฝึกหัดไว้ได้นั้นบริบูรณดี
แต่เพราะตามปรกติไม่ได้ปฏิบัติจริงก็มีการประหม่า
ความคล่องแคล่วน้อยกว่ามหาดเล็กหลวงในกรุงเทพฯ
ซึ่งเคยปฏิบัติจริงๆอยู่เสมอนั้นเป็นธรรมดา..."
[๘] |
โรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่ได้เปิดการเรียนการสอนต่อเนื่องมาเป็นลำดับ
โดยมีอุปสรรคสำคัญคือ มี
"...ไข้ชุกชุม แลเปนไข้ที่ออกจะมีอาการร้ายแรง..."
[๙]
ซึ่งทำให้ทั้งครูและนักเรียนป่วยเจ็บกันเป็นประจำ
บางรายที่เป็นหนักก็ถึงแก่เสียชีวิต นอกจากนั้น
"...บางฤดูลมแรงเหลือเกิน
สถานที่ได้ถูกลมพัดพังหลายหน..."
[๑๐]
ดังนั้นเมื่อมีพระราชดำริให้ตรวจตัดรายจ่ายในพระราชสำนักลงในตอนปลายรัชสมัย
ประจวบกับ "...ความเจริญแห่งมณฑลพายัพได้ก้าวน่าไปเปนลำดับ
ตลอดจนการคมนาคมก็ได้สดวกขึ้นเปนอันมาก
โดยมีรถไฟติดต่อกับกรุงเทพพระมหานครแล้ว
การเดิรทางมีเวลาเพียง ๒๖ ชั่วโมงเท่านั้น...
จึงทรงพระราชดำริห์เห็นว่า...ไม่ควรที่จะต้องมีโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่
ไว้ให้เปลืองพระราชทรัพย์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ยุบเลิกโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่
เสียตั้งแต่วันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๘..."
[๑๑]
 |
โล่รางวัลการแข่งขันคริกเก็ตระหว่างคณะของโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่
พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
กรรมการพิเศษโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่
ประทาน
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่หอประวัติวชิราวุธวิทยาลัย |
การยุบเลิกโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่นั้น
นอกจากจะช่วยให้ประหยัดพระราชทรัพย์ในการดำรงโรงเรียนไปได้ปีละ
๒๐๐,๐๐๐ บาท แล้ว ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้โอนเงินจำนวน ๓๐,๐๐๐
บาท ที่กระทรวงธรรมการทูลเกล้าฯ
ถวายเป็นเงินอุดหนุนโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่มาสมทบเป็นเงินค่าใช้จ่ายของโรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่กรุงเทพฯ
ส่วนทรัพย์สินต่างๆ ของโรงเรียนนั้น
ได้ขนกลับลงมาเก็บรักษาไว้ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
และตกทอดมาเป็นสมบัติของวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน อาทิ
ถ้วยและโล่รางวัลการแข่งขันต่างๆ แต่ทรัพย์สินบางรายการ
เช่น
รถจักรยานและเครื่องใช้สำนักงานนั้นได้มอบให้โรงเรียนฝึกหัดครูมณฑลพายัพ
และโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ไว้ใช้ในราชการต่อมา