เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระมหากรุณาสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
และโปรดเกล้าฯ ให้มหาดเล็กเด็กๆ
ที่ทรงพระมหากรุณาชุบเลี้ยงไว้ได้มาเล่าเรียนที่โรงเรียนนี้แล้ว
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงได้มีพระราชดำริว่า
"โบราณราชประเพณีที่เคยมีมาแต่ปางก่อน
เมื่อสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินมีพระราชประสงค์จะทรงทำนุบำรุงสกุลวงษ์แห่งผู้เปนเชื้อพระวงษ์ก็ดี
หรือแห่งข้าทูลลอองธุลีพระบาท
ผู้ที่ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจงรักภักดี
ทำราชการเปนประโยชน์แก่แผ่นดินหรือในพระองค์ก็ดี
นอกจากที่พระราชทานบำเหน็จบำนาญแก่ตัวบุคคลผู้มีความชอบนั้นแล้ว
ยังทรงพระกรุณารับบุตร์ของผู้นั้นๆ
มาทรงใช้สรอยใกล้ชิดพระองค์
เพื่อพระราชทานโอกาศให้ศึกษาราชกิจและได้ฟังพระบรมราโชวาทอย่างสนิทอีกชั้นหนึ่งด้วย...
อีกประการ ๑ ถึงแม้ในประเทศอื่นๆ
ที่มีสมเด็จพระราชาธิบดีเปนประธานแห่งชาติ
เช่นในประเทศอังกฤษแลรัสเซียเปนตัวอย่าง
พระเจ้าแผ่นดินก็มักทรงเลือกบุตร์ผู้มีตระกูลซึ่งบิดามีความชอบในราชการแผ่นดินหรือในพระองค์มาให้รับใช้สรอยใกล้ชิดพระองค์ตั้งแต่เยาว์วัย
จนเติบใหญ่สมควรที่จะเข้ารับราชการตามตำแหน่งน่าที่อื่นๆ
แล้ว ก็ย้ายไปรับราชการตามสมควรแก่คุณวุฒิ
ดรุณกุมารที่พระเจ้าแผ่นดินทรงเลือกไปรับใช้ใกล้ชิดพระองค์เช่นนั้น
เรียกว่า "State Page" " [๑] |
มหาดเล็กรับใช้ (State Page)
นั้นทรงคัดเลือกมาจากนักเรียนมหาดเล็กหลวงที่มีอายุระหว่าง
๑๒ - ๑๘ ปี จัดแบ่งเป็น ๒ ชั้น คือ มหาดเล็กรับใช้ชั้นเล็ก
(Junior State Page) เทียบชั้นยศพันจ่าเด็กชา (หรือจ่านายสิบในกองทัพบก)
เมื่ออายุครบ ๑๕ ปีบริบูรณ์แล้ว
ก็เลื่อนขึ้นเป็นมหาดเล็กรับใช้ชั้นใหญ่ (Senior State
Page) เทียบชั้นยศมหาดเล็กสำรอง (หรือนายร้อยตรีในกองทัพบก)
และต้องพ้นจากตำแหน่งมหาดเล็กรับใช้นี้เมื่ออายุครบ ๑๘
ปีบริบูรณ์
ในระยะแรกมหาดเล็กรับใช้ยังไม่ได้รับพระราชทานเงินเดือน
เป็นแต่ได้รับพระราชทานเครื่องแต่งกายสำหรับตำแหน่งต่อมาตั้งแต่วันที่
๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๕๙จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กรมมหาดเล็กเบิกจ่ายพระราชทรัพย์จากกรมพระคลังข้างที่พระราชทานเป็นเงินเดือนแก่มหาดเล็กรับใช้ชั้นใหญ่เดือนละ
๓๐ บาท ชั้นเล็กเดือนละ๒๐ บาท เดือนหนึ่งแบ่งจ่ายเป็น ๒
งวด "...แต่ในระหว่างงานฤดูหนาวได้รับพระราชทานเพิ่มพิเศษทุกวัน
เท่ากับวันละหนึ่งเดือน..."
[๒]
 |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงเครื่องเต็มยศจอมพล
ผู้บังคับการพิเศษกรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร.
ประทับฉายพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมด้วยมหาดเล็กรับใช้ชุดแรก
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘
(นั่งพื้นจากซ้าย) ๑.
หม่อมราชวงศ์เฉลิมลาภ ทวีวงศ์
๒.
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา
(ยืนจากซ้าย) ๑. หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล
๒.
หม่อมเจ้าดิศศานุวัตร ดิศกุล
๓. นายหยิบ
ณ นคร
๔. นายปาณี ไกรฤกษ์ (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
นายจ่ายวด) ๕.
หม่อมเจ้าหัชชากร วรวรรณ ๖.นายประสาท
สุขุม |
มหาดเล็กรับชุดแรกที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้รับราชการสนองพระเดชพระคุณ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน
พุทธศักราช ๒๔๕๘ ได้แก่
มหาดเล็กรับใช้ชั้นใหญ่
๑.
นายหยิบ ณ นคร บุตรนายพลโท พระยาสีหราชเดโชไชย [๓]
(แย้ม ณ นคร)
ปลัดทูลฉลองกระทรวงกระลาโหม
๒.
นายปาณี ไกรฤกษ์
[๔]
บุตรมหาเสวกโท พระยาจักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์
[๕]
(ลออ ไกรฤกษ์)
สมุหพระนิติศาสตร์
มหาดเล็กรับใช้ชั้นเล็ก
๑.
หม่อมเจ้าหัชชากร [๖]
ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์
[๗]
๒.
หม่อมเจ้าดิศศานุวัตร
[๘]
ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระดำรงราชานุภาพ
[๙]
๓.
หม่อมราชวงศ์เฉลิมลาภ ทวีวงษ์
[๑๐]
โอรสหม่อมเจ้าอุดมดิเรกลาภ ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหมื่นภูธเรศร์ธำรงศักดิ์
๔.
หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล บุตรมหาอำมาตย์เอก
เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล)
เสนาบดีกระทรวงธรรมการ
๕.
นายประสาท สุขุม บุตรมหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยายมราช
[๑๑]
(ปั้น สุขุม) เสนาบดีกระทรวงนครบาล
ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นักเรียนมหาดเล็กหลวงเป็นนักเรียนมหาดเล็กรับใช้เพิ่มเติมอีกหลายคราว
แตที่ปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรมีเพียง ๒ ครั้ง
ตามลำดับดังนี้
ครั้งแรก ทรงตั้งนักเรียนมหาดเล็กหลวง พระวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา [๑๒]
พระโอรสในพระเจ้าพี่ยาเธอ
กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ [๑๓]
ครั้งที่สอง นักเรียนมหาดเล็กหลวงชัด กัลยาณมิตร
บุตรมหาเสวกเอก เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ (เชย
กัลยาณมิตร) เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
นอกจากนั้นยังได้พบข้อมูลอีกว่า
ในตอนปลายรัชกาลยังได้โปรดเกล้าฯ ให้
นักเรียนมหาดเล็กหลวงหม่อมเจ้าอัศนีฟ่องฟ้า เทวกุล
และนักเรียนมหาดเล็กหลวงเทวมิตร กุญชร ณ อยุธยา
เป็นนักเรียนมหาดเล็กรับใช้
แต่ในชั้นนี้ยังไม่พบประกาศแต่งตั้ง
พระมหากรุณาธิคุณแก่มหาดเล็กรับใช้
เนื่องจากมหาดเล็กรับใช้ต้องอยู่ถวายงานรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเกือบตลอดเวลา
ไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนในชั้นเรียนดังเช่นนักเรียนมหาดเล็กหลวงคนอื่นๆ
"...เมื่อแปรพระราชฐานไป ณ ที่ใด
ตลอดจนเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปต่างจังหวัดก็ได้ตามเสด็จทุกครั้ง
ดังนั้นจึงได้เรียนรู้ไปทีละน้อยตั้งแต่เยาว์วัยโดยที่เห็นเองบ้าง
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ชี้แจงสั่งสอนบ้างชดใช้สำหรับการที่ไม่ได้อยู่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงต่อไปอย่างคุ้มค่าและเป็นทุนสำหรับทำงานสำคัญต่อไปในภายหน้า..."
[๑๔]
นอกจากนั้นยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระมหากรุณาแก่มหาดเล็กรับใช้เป็นอเนกประการ อาทิ
ประทับฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับมหาดเล็กรับใช้แล้วทรงลงพระบรมนามาภิไธยพระราชทานแก่มหาดเล็กรับใช้เป็นรายบุคคล
หรือพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นบำเหน็จความชอบในคราวอันสมควร
และเมื่อมหาดเล็กรับใช้มีอายุครบเกณฑ์ที่จะต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่
ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ออกไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศโดยโปรดเกล้าฯ
ให้เป็นนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงบ้าง
นักเรียนทุนเล่าเรียนส่วนพระองค์บ้าง
หรือโปรดให้เข้ารับราชการในกรมมหาดเล็กทรงชุบเลี้ยงให้มีตำแหน่งหน้าที่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการตามแต่ใจสมัครของแต่ละบุคคล
ทั้งนี้สุดแต่จะมีพระราชดำริเห็นสมควร
ดังกรณีหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล
เมื่ออายุใกล้จะครบเกณฑ์ต้องพ้นจากตำแหน่งมหาดเล็กรับใช้
ก็มี "พระราชกระแสรับสั่งที่โต๊ะเสวยกลางวันว่า
"ปิ่นนั้นอายุก็มากแล้ว ให้ทำอะไรก็ทำได้ดีไปถามดูซิว่า
อยากทำงาน หรืออยากไปเรียนต่อต่างประเทศ" "
[๑๕]
และเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่า หม่อมหลวงปิ่น
มาลากุลสมัครในที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศ ก็ได้โปรดเกล้าฯ
ให้หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล
เป็นนักเรียนหลวงของกระทรวงธรรมการออกไปศึกษาต่อ ณ
ประเทศอังกฤษ ด้วยมีพระราชกระแสว่า
เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล)
บิดาของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล "ได้ทำประโยชน์ให้กระทรวงธรรมการไว้มาก"
[๑๖]
 |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง
โดยมีนายจ่ายวด (ปาณี ไกรฤกษ์)
อดีตมหาดเล็กรับใช้
โดยเสด็จมาท้ายรถพระที่นั่ง |
แต่นายปาณี ไกรฤกษ์
มหาดเล็กรับใช้อีกคนหนึ่งเมื่อต้องออกจากการเป็นนักเรียนมหาดเล็กรับใช้เพราะอายุครบเกณฑ์นั้น
แม้เจ้าตัวจะอยากไปศึกษาต่อต่างประเทศ
"แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า
ไม่ต้องไปดอก จะสอนให้เอง"
[๑๗]
นายปาณี
ไกรฤกษ์จึงได้ออกรับราชการในตำแหน่งมหาดเล็กห้องพระบรรทม
ในระหว่างนั้นได้ทรงสอนภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสพระราชทานด้วยพระองค์เอง
ทั้งนายปาณี ไกรฤกษ์นั้นเป็นผู้ที่
"ชอบเล่นและชอบเรียนตามที่เด็กหนุ่มควรจะเป็น
จึงได้รับพระราชทานเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
ได้รับตำแหน่งเป็นนายรองพินัยราชกิจ แล้วเลื่อนเป็นนายกวด
หุ้มแพร และนายจ่ายวดในที่สุด"
[๑๘]