 |
พระนิโรคันตราย |
พระนิโรคันตราย
[๑]
พระพุทธรูปกาไหล่ทองปางสมาธิ
มีนาคแปลงเป็นมนุษย์เชิญฉัตรและพัดโบกประจำอยู่สองข้างองค์พระ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างขึ้นไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘
จำนวน ๑๖ องค์เท่าจำนวนปีในรัชกาล
โดยทรงกำหนดจะจัดให้มีการสมโภชในการพระราชพิธีสมภาคาเสด็จดำรงสิริราชสมบัติเสมอพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
แต่เผอิญทรงพระประชวรเสด็จสวรรคตเสียก่อน พระบาท
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้โปรดพระราชทานไปยังพระอารามฝ่ายมหานิกายจำนวน
๑๕ วัด และเก็บไว้ใช้ในราชการ ๑
องค์ดังพระราชประสงค์
และเมื่อคราวเสด็จประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระยุพราชใน
พ.ศ. ๒๔๕๑ นั้น ได้ทรงพบพระพุทธรูปโบราณองค์หนึ่ง
ที่เมืองศรีสัชนาลัย องค์พระชำรุดมาก
คงเหลือแต่พระเศียร พระหัตถ์ และพระบาทที่ไม่ชำรุด
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญส่วนต่างๆ
ของพระพุทธรูปที่ยังคงเหลืออยู่นั้นลงมากรุงเทพฯ
และเมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้วได้โปรดเกล้าฯ
ให้ปั้นหล่อองค์พระเพิ่มเติมจนสมบูรณ์เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ
แล้วได้โปรดเกล้าฯ
ให้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่พระวิหารโถงที่โปรดให้สร้างต่อออกมาทางด้านหน้าพระวิหารด้านทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์
พระราชทานนามพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ว่า
พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ธรรโมภาส
มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร
 |
พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ธรรโมภาส
มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร |
นอกจากนั้นเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดส่งกองทหารอาสาสมัครไปร่วมรบในสมรภูมิทวีปยุโรป
คราวสงครามโลกครั้งที่ ๑ นั้น ก็ได้โปรดกล้าฯ
ให้มีอนุศาสนาจารย์ไปกับกองทหารนั้น
และต่อมาวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๒
ก็ได้โปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งกองอนุศาสนาจารย์ขึ้นในกองทัพบก
โดยมีพระราชประสงค์จะให้ทหารมี เพื่อนทางใจ
ในยามคับขัน โดยเฉพาะเมื่อมีทุกข์ร้อนอย่างใด
จะได้ไม่กังวลและไม่ว้าเหว่ หรือลำบากใจ
ทั้งยังได้ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือว่าด้วยหลักธรรมทางพระพุทธ
ศาสนาไว้เป็นจำนวนมาก ทั้ง ปาฐกถา เทศนา
พระบรมราโชวาท บทสวดมนต์ บทความสั้นๆ รวมทั้ง โคลง
ฉันท์ กาพย์ กลอน เช่น พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร,
ปลุกใจเสือป่า, พระบรมราชานุศาสนีย์แสดงคุณานุคุณ,
ประโยชน์แห่งการอยู่ในธรรม, ธรรมาธรรมะสงคราม
และมงคลสูตรคำฉันท์ เป็นต้น
 |
โต๊ะอิหม่ามผู้เป็นหัวหน้าคณะเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานเสื้อยศ
(เสื้อยุบ๊ะ)
ที่พระลานหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ในพระบรมมหาราชวัง |
ในส่วนการทนุบำรุงศาสนาอื่นนั้น
นอกจากจะได้โปรดเกล้าฯ
...ให้ชนชาวอิสลามซึ่งอยู่ในพระบรมโพธิสมภารมาชั่วกาลนาน
อันต้องไปตกค้างอยู่ในจังหวัดเมคคะอันได้รับทุกข์ยากกันดารมานานได้กลับสู่งกรุงสยาม...
[๒]
แล้ว
ยังได้โปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดสร้างเสื้อคลุมชนิดปิดอกสีต่างๆ
มีพระมหามงกุฎกับอักษรพระบรมนามาภิไธยย่อปักติดหน้าอก
พระราชทานเป็นเสื้อยศแก่โต๊ะอิหม่าม (สมภาร)
มาแต่คราวพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช พ.ศ. ๒๔๕๔
เสื้อยศนี้มีด้วยกัน ๓ ชั้น คือ
ชั้นที่ ๑
พระราชทานแก่โต๊ะอิหม่ามผู้เป็นหัวหน้าคณะใหญ่
ชั้นที่ ๒
พระราชทานแก่โต๊ะอิหม่ามผู้เป็นหัวหน้าคณะกลางประจำมณฑล
ชั้นที่ ๓
พระราชทานแก่โต๊ะอิหม่ามผู้เป็นหัวหน้ารองคณะประจำมณฑล
 |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จลงประทับเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท
ในพระบรมมหาราชวัง
พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้อิสลามศาสนิกเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ทูลเกล้าฯ ถวายคทาอาเนอิสลาม |
ต่อมาวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๙
ยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้อิสลามศาสนิกในพระบรมราชูปถัมภ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้าฯ
ถวายดอกไม้ธูปเทียนและคฑาอาเด่นอิสลาม
[๓]
เนื่องในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษา ๓ รอบ
มโรงนักษัตร และในคราวเดียวกันนี้ได้โปรดเกล้าฯ
พระราชทานผ้าซะยูดะห์รองกราบแก่ ๓
อิหม่ามซึ่งเป็นกอลีหัวหน้าคณะใหญ่
และหัวหน้าคณะกลาง
ผู้มีคุณความดีความสามารถในศาสนา คือ
๑. หะหยีอับดันล๊ะฮ์ กอลีหัวหน้าคณะใหญ่
มัสยิดบางกอกน้อยโรงเรียนราชการุญ จังหวัดธนบุรี
๒. หะหยีซ้ำมะแอ หัวหน้าคณะกลาง มณฑลกรุงเทพฯ
มัสยิดยะวาคลองสัวยม จังหวัดพระนคร
๓. หะยีอุมรัด หัวหน้าคณะกลาง มณฑลกรุงเทพฯ
มัสยิดบ้านคู้ จังหวัดมีนบุรี
ในส่วนของศาสนาอื่นๆ
นอกจากจะทรงรับเป็นศาสนูปถัมภกแล้ว
ยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์บำรุงศาสนานั้นๆ
ตามควรแก่โอกาสอีกด้วย