 |
|
บทความปัจจุบัน
|
บทความย้อนหลัง
:
ตอนที่
๑ - ๒๐
|
๒๑ -
๔๐
|
๔๑ -
๖๐ |
๖๑ -
๘๐ |
๘๑
-
๑๐๐ |
๑๐๑ -
๑๒๐ |
๑๒๑ -
๑๔๐ | |
|
๑๔๐
-
๑๖๐ |
๑๖๑ -
๑๖๖ | |
| ก่อนหน้า
|
๑๔๑ |
๑๔๒
| ๑๔๓
| ๑๔๔
| ๑๔๕
| ๑๔๖
| ๑๔๗
| ๑๔๘
| ๑๔๙
| ๑๕๐
| ถัดไป | |
|
๑๔๙.
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (๒๑)
ด้านเศรษฐกิจ
สืบเนื่องมาจากการที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปประทับทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลานานถึง
๙ ปี
จึงทรงตระหนักดีถึงประโยชน์ของการค้าขายและการลงทุน
ทั้งยังได้ทรงเปรียบเทียบการบ้านเมืองในรัชสมัยของพระองค์ไว้ว่า
...การบ้านเมืองในสมัยนี้ก็เหมือนการค้าฃาย
จะคงใช้วิธีอย่างเก่าก็แพ้เปรียบเฃาเท่านั้น
ถ้าไม่หาญลงทุนบ้างก็ค้าไม่ขึ้นฉันใด
ในส่วนชาติบ้านเมืองก็ฉันนั้น
คนไทยเราโดยมากบกพร่องในพานิชการ
ก็เพราะมีความคิดแคบและสั้นนัก
ลงทุนไปแล้วนิดหน่อยก็จะต้องการแลเห็นกำไรในทันที
และจะต้องการตั้งชั่งละ ๒ สลึงทันที
ครั้นไม่ได้ผลเช่นนั้นก็ระอา
เลยทิ้งการค้าฃายอันนั้น
ไปคิดหาทางอื่นใหม่
ถึงในกิจการบ้านเมืองก็เปนเช่นนั้น
ความตั้งใจของเราคือจะจูงความคิดคนไทยให้คิดการกว้างแลทางยาวขึ้น...
[๑] |
 |
นายพลเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร
กิตติมศักดิ์นายกแห่งการแสดงกสิกรรมแลพานิชการ
เสด็จพระราชดำเนินไปในการสดงกสิกรรมและพานิชยการ
ที่สระปทุมวัน
เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ |
ด้วยแนวพระราชดำริดังกล่าว ในปี พ.ศ. ๒๔๕๔
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้กระทรวงเกษตราธิการจัดการแสดงกสิกรรมและพณิชยการให้เป็นการใหญ่ยิ่งกว่าที่เคยจัดมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และถึงแม้นว่า
...การแสดงกสิกรรมและพณิชยการครั้งนั้นว่ากันทางเงินสดนับว่าฃาดทุน,
ซึ่งทำให้นักการเงินพากันบ่นอู้และร้องว่าเฃ็ด;...
[๒]
จึงทำให้การแสดงกสิกรรมและพณิชยการต้องหยุดไป
แต่ในส่วนพระองค์กลับทรงพระราชดำริว่า
...แท้จริงประโยชน์ทางอ้อมนั้นได้เปนอันมาก,
ซึ่งถ้าพิจารณาดูแล้วจะต้องเล็งเห็นทีเดียว...
[๓]
 |
ธนบัตรลีฟอเทีย |
นอกจากนั้น
ยังได้มีพระราชดำริให้มีการสะสมเงินทุนสำรองของชาติ
เพื่อที่จะได้นำเงินออมนั้นไปลงทุนในกิจการอันจะสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติต่างๆ
ดังเช่นที่ได้ทรงพบเห็นมาจากทวีปยุโรป
ในชั้นต้นได้โปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งธนาคารลีฟอเทียขึ้นในพระราชสำนักมาตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระยุพราช
ครั้นเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้วก็ยังทรงห่วงใยถึง
...การรักษาทรัพย์สมบัติ
ซึ่งประชาราษฎรได้อุตสาหประกอบการทำมาค้าขายมีกำไรออมไว้เปนทุนนอนได้แล้ว
แต่การรักษาให้ปราศจากอันตรายยังเปนการลำบาก
เพราะไร้ที่ฝากฝังอันมั่นคง
ส่วนการที่ประชาชนออมสินไว้เพื่อประโยชน์การยืดยาวข้างน่า
ไม่จับจ่ายเพื่อความเพลินใจชั่วขณะนั้น
เปนสิ่งควรอุดหนุนอย่างยิ่ง...
[๔]
จึงได้ทรงหยิบยกเรื่องการรักษาทรัพย์ของราษฎรขึ้นหารือในที่ประชุมเสนาบดีสภา
เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ร.ศ. ๑๓๑ (พ.ศ. ๒๔๕๕)
โดยมีกระแสพระราชดำรัสในที่ประชุมนั้นว่า
...การรักษาทรัพย์สมบัติของราษฎรชาวนา
ตามที่ได้ฟังเสียงของราษฎรเองนั้นว่า
การรักษาทรัพย์เปนการลำบากมาก
เพราะไม่รู้ว่าจะเอาฝากไว้ที่ไหน
บางคนที่กล้าเอามาฝากแบงก์
เมื่อมาถูกนายเชยสรรพการโกงเข้าก็เลยเข็ด
เห็นว่าการรักษาทรัพย์ของราษฎรเปนความลำบากจริง
นอกจากถูกปล้นสะดมแล้ว
ก็ยังมีการเที่ยวสุรุ่ยสุร่ายเสียเช่นการพนันเปนต้น
ได้ลองถามดูว่าถ้ากระทรวงพระคลังตั้งบงก์
(คือเซฟวิงแบงก์) สำหรับรับฝากเงินขึ้น
จะมีผู้ฝากฤาไม่
ราษฎรเหล่านั้นว่าถ้ามีที่ฝากเช่นนั้นแล้วดี
ตามที่ได้ปฤกษากันดู ก็เห็นว่าพอจะทำได้
คือให้เทศาภิบาลแลผู้ว่าราชการเมืองเปนผู้รับผิดชอบ...
[๕] |
เมื่อที่ประชุมเสนาบดีได้พิจารณาเห็นชอบพร้อมกันตามกระแสพระราชดำริแล้ว
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติดำเนินการจัดตั้งคลังออมสินขึ้นเมื่อวันที่
๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๖
...เพื่อประโยชน์การรับรักษาเงินที่ประชาชนจะนำมาฝากเปนรายย่อย
แลรับภาระจัดให้เงินนั้นเกิดผลประโยชน์แก่ผู้ฝากตามสมควร...
[๖]
และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๖๕
ก็ได้ทรงริเริ่มมาตรการส่งเสริมการออมของเยาวชน
โดยโปรดเกล้าฯ ให้
...ลูกเสือที่จะนับว่าเปนลูกเสือเอก
นอกจากมีความรู้สอบไล่ได้วิชาลูกเสือเอกตามข้อ
๕๘
ต้องแสดงว่าเปนผู้รู้จักการออมถนอมทรัพย์จนเก็บไว้ในคลังออมสินได้ตามที่สภานายกกรรมการจัดการลูกเสือมณฑลกำหนดซึ่งไม่น้อยกว่า
๕ บาท
และเงินที่ฝากไว้ในคลังออมสินจะถือว่าถูกต้องตามข้อบังคับ
ต้องมีผู้ควรเชื่อรับรองว่า
เปนเงินที่หาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง
หรือประหยัดไว้ได้จริงๆ
มีบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายประกอบ...
[๗] |
นอกจากจะทรงจัดตั้งคลังออมสินเพื่อรักษาทรัพย์ให้แก่ประชาชน
ทั้งยังเป็นหนทางในการสะสมทุนสำรองเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติแล้ว
ในส่วนของแบงก์สยามกัมมาจลหรือปัจจุบันคือ
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)
ที่ในตอนต้นรัชกาลได้เกิดปัญหาขัดแย้งกันขึ้นในธนาคารดังกล่าวด้วยเรื่องที่
แฮร์ ปี. ชว๊าร์ซ (Herr P. Schwarze)
ผู้จัดการชาวเยอรมันถวายฎีกาให้ยุบเลิกตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายไทยและขอพระราชทานอำนาจในการบริหารธนาคารนั้นเป็นสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียว
แต่ในเวลานั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำริ
 |
ที่ทำการแบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด
ที่ตำบลตลาดน้อย อำเภอสัมพันธวงศ์ |
...ซึ่งในสมัยนั้นออกจะไม่ใคร่มีใครเห็นด้วยหรือรู้สึกว่านึกมากเกินไป,
ว่าเรื่องนี้เปนส่วน ๑
ในความคิดของเยอรมันที่จะหาความเปนใหญ่ในสยาม.
ความระแวงในข้อนี้ฉันได้มีมานานแล้ว,
ตั้งแต่ในรัชกาลที่ ๕,
เมื่อเยอรมันได้ทราบอยู่ว่าทูลกระหม่อมไม่โปรดและทรงระแวงอยู่ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส,
เยอรมันเห็นว่าเปนโอกาสที่จะเข้าครอบสยามได้,
จึ่งได้คิดดำเนิรอุบายอย่างลึกลับชนิดน้ำลอดใต้ทราย,
เริ่มด้วยจัดการขายของถูกๆ โดยยอมขาดทุน,
เพื่อให้คนไทยชอบและไว้วางใจ,
แล้วและคิดหาทางได้ประโยชน์ต่างๆ
ทั้งในทางรัฐประศาสน์และทางยุทธศาสตร์
เยอรมันได้กล้ายอมลงทุนโดยอาการต่างๆ
เปนอันมาก,
เพราะเขาแลดูทางไกลมุ่งรับผลในอนาคต. ...ส่วนในทางการเงินนั้นก็เปนรัฐประศาสโนบายของเยอรมันอันดำเนิรอยู่โดยทั่วไปหลายแห่ง,
คือเอาทุนไปลงไว้ตามบริษัทหรือแบงก์ใหญ่ๆ
ในประเทศต่างๆ ที่เขาปรารถนาจะครอบงำ,
แล้วแลดำเนิรอุบายให้กิจการในบริษัทหรือแบงก์นั้นๆ
ยุ่งเหยิง,
แล้วเขาจึ่งตั้งตัวเปนผู้ที่เมตตาเข้าช่วยดูแลแก้ไข,
แล้วในที่สุดก็รวบเอาอำนาจอำนวยการในบริษัทหรือแบงค์นั้นๆ
ไปไว้ในกำมือของเยอรมันหมด,
อุบายนี้ได้ดำเนิรสำเร็จมาแล้วในประเทศอิตาลีเปนตัวอย่างจนเวลานั้นเยอรมันคุยป๋ออยู่ว่า
อิตาเลียนเท่ากับ
เปนทาสน้ำเงินของเขาทั้งหมด,
สำหรับกรุงสยาม,
เยอรมันได้มุ่งจะดำเนิรแบบเดียวกับอิตาลี,
...ต่อมาพอพระสรรพการ [๘]
ทำยุ่งและต้องออกจากตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายเยอรมันนึกว่าจะสำเร็จตามอุบายของเขาได้อีกชั้น
๑,
แต่พะเอินมาเกิดมีกรรมการผู้แทนพระคลังข้างที่ขัดคอขึ้น,
จึ่งออกขัดใจ, และเปนธรรมเนียมของเยอรมัน,
เมื่อจะเอาอะไรไม่ได้อย่างใจก็ต้องนึกถึงใช้อำนาจข่มขู่ก่อน,
...ส่วนฉันเห็นว่ารัฐบาลควรจะคำนึงดูให้ดีว่า
ถ้ายอมตามคำขอของชว๊าร์ซจะได้ผลดีในปรัตยุบันเพียงพอแก่ผลร้ายที่อาจมีมาในอนาคตหรือไม่,
และอีกทาง ๑ ถ้าจะไม่ยมตามคำขอร้องนั้น...ชาวเยอรมันอาจจะถอนทุนของเขาออกเสีย,
แต่ถึงแม้ว่าชาวเยอรมันจะถอนทุนออกไปจริงก็ไม่เห็นเปน
สิ่งที่ควรครั่นคร้ามมากนัก,
เพราะทุนของเขามีอยู่เพียงส่วน ๑ ใน ๕
เท่านั้น, แบงก์ก็คงไม่ล่มจม.
ถึงแม้ว่าการทำธุระเรื่องแลกเปลี่ยนในต่างประเทศจะไม่สดวกหรือไม่สำเร็จเพราะเหตุนั้น,
หากแบงก์จะคิดทำการแต่เฉพาะภายในเมืองก็ยังคงจะมีทางทำการได้ดีมากอยู่แล้ว.
อีกประการ ๑ กิจการอันนี้เปนธุระส่วนบุคคล,
ผู้ถือหุ้นส่วนเขาจะเห็นอย่างไรก็ได้ทั้งสิ้น,
รัฐบาลไม่มีอำนาจที่จะยื่นเข้าไปบังคับบัญชาเขาเกินกว่าอำนาจที่ได้ประสาทให้แก่บริษัทนั้นแล้วโดยหนังสือกำหนดอำนาจ
(Charter) เจ้าพระยายมราช [๙]
ก็แสดงความเห็นชอบเช่นนี้.
ในที่สุดจึ่งเปนอันตกลงวินิจฉัยว่าให้ยกฎีกาของชวาร์ซนั้นเสีย.
[๑๐] |
 |
พระราชหัตถเลขาพระราชทานเจ้าพระยายมราช (ปั้น
สุขุม) เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
เรื่องการจัดการแก้ปัญหาวุ่นวายในแบงก์สยามกัมมาจล
ทุนจำกัด |
ครั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นายเซียวยู่เส็ง
[๑๑]
ผู้จัดการแบงก์สยามจีนทุนจำกัดหรือในชื่อจีนว่า
แบงก์ยู่เส็งเฮ็ง
เป็นผู้จัดการฝ่ายไทยในแบงก์สยามกัมมาจลแล้ว
...ในชั้นต้นยู่เส็งก็ทำการดีมาก,
...ต่อๆ มาอ้ายยู่เส็งทำการสัปปลับต่างๆ
โยกเอาเงินจากแบงก์สยามกัมมาจลไปแซมทุนของยู่เส็งเฮ็งบ้าง,
โยกหนี้ของของยู่เส็งเฮ็งไปลงไว้ในบัญชีของสยามกัมมาจลบ้าง,
และคบคิดกับนายฮง นาวานุเคราะห์,
ซึ่งเวลานั้นพระยารัษฎากรโกศล
อธิบดีกรมสรรพากรใน,
โกงเงินหลวงไปใช้ในกิจการของแบงก์,
เกิดชำระนายฮงกันขึ้น,
จึ่งลุกลามไปถึงอ้ายยู่เส็ง,
ตกลงติดคุกและถูกถอดทั้งนายฮงทั้งอ้ายยู่เส็ง.
ส่วนแบงก์สยามกัมมาจลก็เซซวนจวนล้ม...
[๑๒] |
การที่แบงก์สยามกัมมาจลประสบปัญหาในครั้งนั้นนอกจากจะสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้ฝากเงินไว้กับธนาคารคิดเป็นความเสียหายกว่า
๕ ล้านบาทแล้ว
ในส่วนของพระคลังข้างที่ซึ่งเป็นทั้งผู้ถือหุ้นและผู้ฝากเงินรายใหญ่ก็ต้องได้รับความเสียหายไปเป็นเงินกว่าล้านบาทรวมทั้งต้องสูญเสียเงินฝากจำนวน
๑๐๐,๐๐๐ บาท
ที่พระราชทานไว้เป็นทุนนอนของโรงเรียนมหาดเล็กหลวงด้วย
แต่ด้วยพระบรมราโชบายที่
...จะให้แบงก์สยามล้มไม่ได้
แต่แบงก์จีนล้มได้...
[๑๓]
จึงได้โปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แบงก์สยามกัมมาจลทุนจำกัดลดทุนของบริษัทจาก
๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ลงเหลือเพียง ๓๐๐,๐๐๐ บาท
แล้วเพิ่มทุนใหม่เข้าไปอีก ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท
กับได้โปรดเกล้าฯ
ให้กรมพระคลังข้างที่เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวในสัดส่วนจำนวนหุ้นเดิมเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น
๑,๖๓๔,๐๐๐ บาท พร้อมกันนั้นได้โปรดให้
...กระทรวงพระคลังมหาสมบัติเข้ารับอำนวยการแบงก์สยามกัมมาจล,
ว่าจะคิดจัดดำเนิรการตั้งรูปขึ้นให้เปนธนาคารของชาติ
(National Bank) ...
[๑๔]
ต่อไป
|
|

|
|
|
[
๑
]
จดหมายเหตุรายวัน ใน
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว,
หน้า ๔๒.
[
๒
]
ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖
เล่ม ๒, หน้า ๑๒.
[
๓
]
ที่เดียวกัน.
[
๔
]
พระราชบัญญัติคลังออมสิน,
ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ (๓๐ มีนาคม ๒๔๕๕),
หน้า ๒๙๐ - ๒๙๓.
[
๕
]
หอจดหมายเหคุแห่งชาติ.
เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๖ กระทรวง
[
๖
]
พระราชบัญญัติคลังออมสิน,
ราชกิจจานุเบกษา ๒๙ (๓๐ มีนาคม ๒๔๕๕),
หน้า ๒๙๐ - ๒๙๓.
[
๗
]
ประกาศเพิ่มเติมข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือ
พระพุทธศักราช ๒๔๖๑, ราชกิจจานุเบกษา
๓๙ (๘ ตุลาคม ๒๔๖๕), หน้า ๑๖๓ - ๑๖๕.
[
๘
]
พระสรรพการหิรัญกิจ (เชย
อิศรภักดี) ผู้จัดการฝ่ายไทย ภายหลังเป็น
พระอรรถวสิษฐ์สุธี
[
๙
]
นามเดิม ปั้น สุขุม
เวลานั้นเป็นเสนาบดีกระทรวงนครบาล
[
๑๐
]
ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖,
หน้า๑๙๕ - ๑๙๘.
[
๑๑
]
นายเซียวยู่เสง ศิวะโกเศศ
ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
นายฉลองไนยนารถ จ่าพิเศษในกรมมหาดเล็ก
[
๑๒
]
ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖,
หน้า ๑๙๙.
[
๑๓
]
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖
ค.๑๕/๒ เรื่อง
แบงค์สยามกัมมาจลหรือแบงค์สำหรับชาติ (๒๖
ธันวาคม ๒๔๕๓ - ๓๐ กรกฎาคม ๒๔๖๘).
[
๑๔
]
ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖,
หน้า ๑๙๙.
|
|
|
|