เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระมหากรุณาสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นเป็นประดุจพระอารามหลวงประจำรัชกาลแล้ว
ก็ได้พระราชทานพระบรมราโชบายเป็นหลักสำคัญในการอบรมนักเรียนในสถานศคกษานี้ไว้
๓ ประการ คือ
๑. สอนให้เป็นคนมีศาสนา
จะได้มีศีลธรรมเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งจิตใจ
๒. สอนให้เป็นผู้ดี จะได้รู้จักการตรากตรำ
ไม่สำรวยหยิบโหย่ง
จะได้ทำตัวให้เหมาะที่จะเป็นผู้รับใช้และใช้คน
ไม่ทำตนเป็นคนถือยศศักดิ์เหยียดหยามผู้อื่น
ต้องเป็นผู้กล้าหาญมีระเบียบ
และมีความกตัญญูกตเวที
รักเกียรติชื่อเสียงและวงศ์ตระกูลของตัว
รู้จักรักหมู่รักคณะกล้าเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
๓. อบรมให้มีสติปัญญาความรู้
จะได้ใช้ในการครองชีพต่อไป [๑] |
การอบรมนักเรียนให้เป็นผู้มีศาสนานั้น
บรรดาพับลิคสกูลทั้งหลายต่างก็ถือเป็นหัวใจสำคัญในการอบรมสั่งสอนนักเรียน
เนื่องด้วยพับลิคสกูลที่ถือกำเนิดขึ้นในประเทศอังกฤษนั้นล้วนมีรากฐานมาจาก
Church
ซึ่งได้รับภาระเลี้ยงดูกุลบุตรซึ่งต้องเป็นกำพร้าเพราะบิดาไปเสียชีวิตในสงครามครูเสต
ฉะนั้นในบรรดาพับลิคสกูลทุกแห่งในประเทศอังกฤษจึงมี
Church เป็นศูนย์กลางของสถานศึกษา
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นายเอกเวิร์ด ฮีลี สถาปนิกชาวอังกฤษ
ซึ่งเวลานั้นรับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนช่างของกระทรวงธรรมการ
[๒]
ออกแบบวางผังจัดสร้างโรงเรียนมหาดเล็กหลวงในที่ดินพระราชทานที่สวนกระจัง
ริมคลองเปรมประชากร นายอี. ฮีลี
จึงได้วางตำแหน่งตึกครูและนักเรียนที่ปัจจุบันเรียกว่า
คณะ ไว้ที่สี่มุมโรงเรียน กับ หอสวด หรือ
Church หรือปัจจุบันเรียกว่า หอประชุม
ไว้ที่กึ่งกลางโรงเรียนค่อนมาทางริมคลองเปรมประชากร
ตามคตินิยมของพับลิคสกูลในประเทศอังกฤษ
หอสวดนี้จึงมีรูปลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิคตามลักษณะนิยมของ
Church ในคริสต์ศาสนา แต่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้แปลงหลังคาและการตกแต่งซึ้มประตูหน้าต่างเป็นแบบไทย
รวมทั้งโปรดเกล้าฯ
ให้จำหลักลายหน้าบันเป็นตราพระราชลัญจกรสำคัญของแผ่นดิน
๔ องค์ คือ
ด้านทิศตะวันออก |
เป็นลายพระราชลัญจกรพระวชิราวุธ
ประจำพระองค์ |
ด้านทิศใต้ |
เป็นลายพระราชลัญจกรมหาโองการ
|
ด้านทิศตะวันตก |
เป็นลายพระราชลัญจกรหงส์พิมาน |
ด้านทิศเหนือ |
เป็นลายพระราชลัญจกรพระคุณพาห |
ด้วยเหตุที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จำหลักลายพระราชลัญจกรทั้ง ๔ ไว้ที่หน้าบัน
หอสวดนี้จึงเปรียบเสมิอนที่สถิตแห่งพระเปนเจ้าทั้งสี่
คือ พระอินทร์ พระอิศวร พระพรหม และพระนารายณ์
และด้วยพระราชประสงค์ให้นักเรียนมราผ่านการศึกษาอบรมจากโรงเรียนนี้เป็น
เยาวชนที่เป็นสุภาพบุรุษ
ซื่อสัตย์สุจริต มีอุปนิสัยใจคอดี
จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีงานวิสาขบูชาที่โรงเรียนนี้ถึง
๓ ปีติดต่อกัน
และได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงแสดงพระบรมราชานุศาสนีย์ด้วยพระองค์เองทั้งสามคราว
นอกจากนั้นยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้นักเรียนโดยเสด็จไปในการทรงเวียนเทียนในวันสำคัญทางพระบวรพุทธศาสนาอยู่เป็นนิจ
 |
นายพลเรือเอก สมเด็จพระอนุชาธิราช
เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา |
ในตอนปลายรัชสมัย เมื่อนายพลเรือเอก
สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ
กรมหลวงนครราชสีมา
พระราชอนุชาร่วมพระบรมราชชนกและพระราชชนนี
และทรงรับสถาปนาเป็นพระรัชทายาท
เสด็จทิวงคตด้วยโรคพระวักกะอักเสบ (โรคไต)
เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๗ แล้ว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
บำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานเป็นลำดับ
และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างธรรมสน์บุษบกสำหรับพระราชาคณะถวายพระธรรมเทศนาในการพระศพนั้นหลังหนึ่ง
เป็นธรรมาสน์โถงจตุรมุขปิดทอง
มีรูปราชสีห์จำหลักไม้ปิดทองเป็นฐานทั้งสี่ด้าน
กับมีราชสีห์ปิดทองหมอบรองรับขั้นบันไดขึ้นธรรมาสน์
๓ ขั้น รูปราชสีห์นั้นสันนิษฐานว่า
น่าจะมีที่มาจากพระนามกรม นครราชสีมา
เสร็จการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเมื่อวันที่
๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ รวมทั้งงานพระเมรุต่อท้าย คือ
งานพระเมรุพระศพสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ
เจ้าฟ้ามาบินีนพดารา สิรินิภาพรรณวดี
กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา พระศพพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงอดิศรอุดมเดช และพระศพพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงพรหมวรานุรักษ์ แล้ว ก็คงจะโปรดเกล้าฯ
ฝห้เจ้าพนักงานยกธรรมาสน์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างในงานพระเมรุนั้นมาพระราชทานแก่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
จึงมีประกาศแจ้งความกรมบัญชาการกลางมหาดเล็กในราชกิจจานุเบกษา
ดังนี้
แจ้งความกรมบัญชาการกลางมหาดเล็ก
เรื่องโปรดเกล้าฯ พระราชทานธรรมาศน์
แก่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพฯ
*****************
เนื่องในการพระศพสมเด็จพระอนุชาธิราช
เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างธรรมาศน์ขึ้นใช้ในงานพระเมรุหนึ่งธรรมาศน์
ครั้นสิ้นการพระศพแล้วได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานแก่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพฯ
เพื่อเปนที่ระลึกของสมเด็จพระอนุชาธิราช
เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา
โรงเรียนจะได้ใช้สำหรับมีพระธรรมเทศนาให้นักเรียนได้สดับครับฟัง
อันจะได้เป็นปัจจัยให้นักเรียนได้รอบรู้ในทางสัมมาปฏิบัติในโอกาศอันควร
ธรรมาศน์ที่กล่าวแล้วนี้โรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพฯ
ได้รับพระราชทานไว้แล้ว
รู้สึกในพระมหากรุณาธิคุณเปนล้นเกล้าล้นกระหมิอม
ขอพระราชทานอนุโมทนาในส่วนพระราชกุศลที่ได้ทรงบำเพ็ญครั้งนี้
แลขออานุภาพแห่งพระศรีรัตนไตรยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสกลโลก
จงอภิบาลรักษาพระบาทสมเด็จพระบรมบพิตร์พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ให้ปราศจากสรรพอุปัทวันตรายเหล่าริปูหมู่ร้ายจงเกรงขามพระบารมี
จงประสพสิ่งสวัสดิ์ไชยมงคล
เจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน
อนึ่งพระราชกุศลที่ได้ทรงอุทิศครั้งนี้ขอสมเด็จพระอนุชาธิราช
เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา
จงได้ทรงทราบด้วยพระญาณวิถีโดยทางหนึ่งทางใด
แล้วทรงอนุโมทนาแลเปนผลสำเร็จในสุขสมบัติดุจพระประสงค์
เทอญ
แจ้งความมา ณ วันที่ ๔ สิงหาคม
พระพุทธศักราช ๒๔๖๘
เจ้าพระยารามราฆพ
จางวางเอก ผู้สำเร็จราชการมหาดเล็ก
[๓]
|
|
ธรรมาสน์บุษบกนี้มีบันทึกว่า
ในสมัยที่พระยาปรีชานุสาสน์ (เสริญ ปันยารชุน)
เป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
เรื่อยมาจนถึงสมัยพระพณิชยสารวิเทศเป็นผู้บังคับการนั้น
โรงเรียนได้อาราธนาพระราชาคณะผู้ทรงภูมิความรู้มานั่งแสดงพระธรรมเทศนาบนธรรมาสน์นี้
ให้นักเรียนได้สดับตรับฟังตามพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดยในการสดับพระธรรมเทศนาในวันอาทิตย์นั้นโรงเรียนกำหนดให้นักเรียนนุ่งโจงสีน้ำเงิน
สวมเสื้อราชปะแตนนั่งพับเพียบสดับพระธรรมเทศนาบนหอสวดหรือหอประชุมตามธรรมเนียมการฟังธรรมของชาวพุทธในยุคนั้น
 |
 |
พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ |
เซอร์ ระพินทร์นาถ ฐากุร |
นอกจากนั้นยังพบบันทึกว่า
ในสมัยพระยาปรีชานุสาสน์เป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
ยังได้มีการเชิญนักปราชญ์ราชบัณฑิต เช่น
พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ หรือ น.ม.ส.
เซอร์ ระพินทร์นาถ ฐากุร
นักปราชญ์ชาวอินเดียซึ่งเป็นชาวเอเซียคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล
มานั่งแสดงปาฐกถาให้นักเรียนฟังบนธรรมาสน์นี้ในตอนบ่ายวันพฤหัสบดี
เป็นต้น
 |
พระชัยวัฒน์รัชกาลที่ ๖
ประดิษฐานเหนือโต๊ะหมู่ในธรรมาสน์บุษบก
ในงานบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ต่อมาในสมัยที่พระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ อิศรเสนา)
ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
ได้ปรับให้ธรรมาสน์บุษบกนี้เป็นที่ตั้งโต๊หมู่ประดิษฐานพระพุทธรูปในการสวดมนต์ไหว้พระประจำวันของนักเรียน
และใช้เป็นที่ประดิษฐานพระชัยวัฒน์รัชกาลที่ ๖
ในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในวันคล้ายวันสวรรคต
๒๕ พฤศจิกายนของทุกปี
กับเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในงานพระราชประกาศนียบัตรและรางวัลของวชิราวุธวิทยาลัยต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน