ตราพระมนูแถลงสารนี้นอกจากจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานให้เป็นตราประจำโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
และโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่แล้ว ยังพบว่า
มีการใช้ตราพระมนูแถลงสารในเอกสารต่างๆ
ของโรงเรียน เช่น เป็นตราหัวกระดาษ
หรือแม้ในบัตรเชิญงานโรงเรียนก็ปรากฏตราพระมนูแถลงสารในบัตรนั้นด้วย
นอกจากนั้นเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดงานฤดูหนาวที่สนามเสือป่าและวัดเบญจมบพิตรเพื่อเก็บเงินบำรุงโรงเรียนมหาดเล็กหลวงใน
พ.ศ. ๒๔๖๑ แล้ว ก็ได้โปรดเกล้าฯ
ให้พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร)
จางวางกรมช่างมหาดเล็กผู้รับผิดชอบจัดสร้างธงและรูปหล่อพระมนูแถลงสาร
วาดรูปพระมนูอนุโมทนาพร้อมพระราชทานบทพระราชนิพนธ์
พระมะนูอนุโมทนา ไปลงพิมพ์เผยแพร่ในดุสิตสมิต
ฉบับที่ ๕
เป็นการทรงอนุโมทนาในนามของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
 |
 |
นอกจากจะโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างดวงตราประจำชาดเป็นตราสำหรับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
โรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่
และกรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์แล้ว
ยังได้โปรดเกล้าฯ
ให้กรมช่างมหาดเล็กจัดสร้างธงรูปพระมนูแถลงสาร
เป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำ ขนาด ๕๐ x
๕๒ เซนติเมตร
ลายกลางเป็นรูปพระมนูในเครื่องนุ่งห่มผ้าสีขาว
มือถือใบลานนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว
แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานธงพระมนูแถลงสารนี้ให้เป็นธงประจำกองลูกเสือหลวงและเป็นธงประจำโรงเรียนมหาดเล็กหลวงมาตั้งแต่วันที่
๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๔
และในปีเดียวกันนั้นยังได้โปรดเกล้าฯ
พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร)
เจ้ากรมช่างมหาดเล็ก
ปั้นหล่อรูปพระมนูแถลงสารด้วยโลหะ
พระราชทานให้มาประดิษฐานที่หอประชุมโรงเรียนมหาดเล็กหลวงซึ่งในเวลานั้นยังเป็นเรือนไม้หลังคาจาก
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของคณะจิตรลดาในปัจจุบัน
 |
รูปหล่อพระมนูแถลงสารประดิษฐานในซุ้มเรือนแก้วที่ผนังกลางตึกวชิรมงกุฎ |
เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างหอสวดและตึกครูตึกนักเรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวงแล้ว
ได้โปรดเกล้าฯ
ให้ทำซุ้มเรือนแก้วสำหรับประดิษฐานรูปหล่อพระมนูแถลงสารไว้ที่ใต้ถุนหอประชุมด้านทิศตะวันตก
เหนือสถานที่ที่กำหนดให้เป็นที่ฝังศิลาพระฤกษ์โรงเรียน
แต่จะได้เชิญรูปหล่อพระมนูแถลงสารไปประดิษฐานที่ซุ้มใต้ถุนหอประชุมนั้นหรือไม่
ในชั้นนี้ยังไม่พบหลักฐานแน่ชัด
คงมีแต่คำบอกเล่าของนักเรียนเก่าอาวุโส อาทิ
นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวงและวชิราวุธวิทยาลัย
เรือเอก โรจน์ (บุญโรจน์) ไกรฤกษ์ ร.น.
ซึ่งเล่าว่า
ในสมัยที่ท่านเป็นนักเรียนนั้นรูปหล่อพระมนูแถลงสารประดิษฐานอยู่ที่ระเบียงชั้นบนหอประชุมด้านทิศตะวันออก
(ฝั่งตรงข้ามพระวิสูตร)
แล้วจึงย้ายไปประดิษฐานในซุ้มกลางตึกวชิรมงกุฎเมื่อก่อสร้างตึกวชิรมงกุฎแล้วเสร็จใน
พ.ศ. ๒๔๗๕
ซึ่งคงประดิษฐานอยู่ที่ตึกวชิรมงกุฎมาจนถึงปัจจุบัน
 |
ตราพระมนูแถลงสารของวชิราวุธวิทยาลัย |
อนึ่ง แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้เจ้าอยู่หัว
จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ยกโรงเรียนราชวิทยาลัยมารวมกับโรงเรียนมหาดเล็กหลวงพร้อมกับโปรดเกล้าฯ
พระราชทานนามใหม่ว่า โรงเรียนวชิราวุธยาลัยเมื่อ
พ.ศ. ๒๔๖๙ แล้วก็ตาม
วชิราวุธวิทยาลัยก็ยังคงใช้ตรารูปพระมนูแถลงสารเป็นตราโรงเรียนสืบมาจนถึงปัจจุบัน
 |
พิมพ์เขียวเรือนพักเสือป่าและ เรือนพระมนู
ที่พระราชวังสนามจันทร์ |
นอกจากเรื่องของพระมนูแถลงสารดังได้กล่าวแล้ว
ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง เรือนพระมนู
เป็นเรือนยาวชั้นเดียวปลูกสร้างด้วยไม้เป็นที่พักลูกเสือหลวงและนักเรียนเสือป่าหลวงในระหว่างตามเสด็จไปซ้อมรบที่พระราชวังสนามจันทร์
โดยเรือนพระมนูนี้ตั้งอยู่ริมถนนเส้นที่ตัดตรงจากสถานีรถไฟหลวงพระราชวังสนามจันทร์ไปยังพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์
เมื่อก้าวเข้าสู่เขตพระราชวังสนามจันทร์ก็จะถึงเรือนนี้ทางฝั่งซ้ายของถนน
ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ
ให้รื้อเรือนพักเสือป่าที่พระราชวังสนามจันทร์บางหลัง
รวมทั้งเรือนพระมนู
เพื่อนำไม้ไปใช้ในการก่อสร้างวังไกลกังวล
และในสมัยที่พระยาภะรตราชาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
ได้สร้างศาลาไว้ที่ริมรั้วคณะเด็กเล็ก ๓
(คณะสราญรมย์) ติดกับที่ว่าการอำเภอดุสิต
(สำนักงานเขตดุสิต) เป็นที่ฝึกซ้อมของวงเมโลดิก้า
เรียกชื่อศาลานี้ว่า เรือนพระมนู ๒
ต่อมาในสมัยที่คณะกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัยได้มีมติอนุมัติให้โรงเรียนจัดระเบียบสีประจำคณะที่ยังลักลั่นให้ลงระเบียบเมื่อตอนหลังสงครามโลกครั้งที่
๒ นั้น พระยาภะรตราชา
ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยในเวลานั้นก็ได้จัดสร้างธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาบ
ลายกลางเขียนสีเป็นรูปพระมนูแถลงสารเป็นธงประจำโรงเรียนด้วย