 |
พระบรมฉายาลักษณ์ทรงฉายระหว่างประทับทรงศึกษา
ที่วิทยาลัยไครสต์เชิช (Christ Church)
มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford University)
ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๒
- ๒๔๔๔ |
เมื่อแรกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทรงศึกษาวิชาการที่ประเทศอังกฤษใน
พ.ศ. ๒๔๓๖ นั้น
ทรงเจริญพระชันษาเกินกว่าที่จะเสด็จไปทรงศึกษาในพับลิคสกูลหรือในโรงเรียนสามัญเช่นเยาวชนอังกฤษแล้ว
นายเบซิล ทอมสัน (Basil Thompson) [๑]
ซึ่งราชาธิปไตย
[๒] มอบหมายให้มาจัดการถวายพระอักษรร่วมกับพระมนตรีพจนกิจ
ได้ตกลงเลือกแนวทางการถวายพระอักษรโดยวิธีจัดหาครูมาถวายการสอนที่ตำหนักที่ประทับ
ในรูปแบบที่เรียกกันในปัจจุบันว่า Home School
จนทรงสำเร็จการศึกษาวิชาชั้นต้นแล้ว
จึงเสด็จไปทรงศึกษาวิชาทหารที่โรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์สต์
(Royal Military Academy, Sandhurst)
ทรงสำเร็จการศึกษาและฝึกหัดวิชาทหารในช่วง พ.ศ.
๒๔๔๐ - ๒๔๔๒ แล้ว
จึงเสด็จไปทรงศึกษาวิชาพลเรือนที่วิทยาลัยไครสต์เชิช
(Christ Church) มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford
University) ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๒ - ๒๔๔๔
 |
ทรงเครื่องสโมสรเวลาเย็น (Evening Dress)
ประทับฉายพระบรมฉายาลักษณ์
พร้อมด้วยสมาชิกสโมสร Cosmopolitan
ที่วิทยาลัยไคร์สเชิช มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด |
ในระหว่างประทับทรงศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดนั้น
นอกจากจะเสด็จไปประทับ ณ
วิทยาลัยไครส์เชิชเฉกเช่นนิสสิตทั่วไปแล้ว
ในระหว่างที่ประทับทรงศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดนั้น
ได้ทรงจัดตั้งสโมสร Cosmopolitan
ขึ้นเป็นสโมสรแรกที่ทรงจัดตั้งขึ้นในพระชนม์ชีพ
สโมสรนี้มีอาจารย์และนิสสิตมหาวิทยาลับออกซ์ฟอร์ดเป็นสมาชิก
และทรงเป็นสภานายกของสโมสรนี้ด้วยพระองค์เอง
 |
ประทับเป็นประธานในการเลี้ยงดินเนอร์ครั้งแรกของสโมสร
Cosmopolitan ณ มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด
เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๓ |
การเลี้ยงดินเนอร์ครั้งแรกของสโมสร Cosmopolitan ณ
มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด โปรดเกล้าฯ
ให้จัดขึ้นในวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๓
มีบรรดาอาจารย์และคนที่ได้ดีกรีมาประชุมในการนี้หลายคน
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชซึ่งเป็นสภานายกของสโมสรได้ทรงเป็นประธานในการเลี้ยงนี้
เมื่อเลี้ยงแล้วมีสปิ๊ชดีๆ หลายหน
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงกล่าวสองครั้ง
ครั้งหนึ่งประทานพร Guests อีกครั้งหนึ่ง
ได้ทรงตอบคำกล่าวของแขกคนหนึ่งซึ่งกล่าวสรรเสริญสโมสร
ประชุมอยู่ตั้งแต่เวลาทุ่มครึ่งจนถึง ๕
ทุ่มครึ่งเลิก
[๓]
 |
เรือนกระจกในพระราชอุทยานสราญรมย์
ซึ่งเป็นที่ตั้งทวีปัญญาสโมสร |
ภายหลังทรงสำเร็จการศึกษาและเสด็จนิวัติพระนครในตอนปลายปี
๒๔๔๕ แล้ว ก็ทรงจัดตั้ง ทวีปัญญาสโมสร
ขึ้นที่พระราชอุทยานสราญรมย์ และ จิตรลดาสโมสร
ที่พระตำหนักจิตรลดา ริมพระลานพระราชวังดุสิต
และเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นเมื่อ พ.ศ.
๒๔๕๓ แล้ว
ก็ได้พระราชทานพระบรมราโชบายให้เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี
(สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)
กรรมการจัดการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงพิจารณาวางระเบียบ
หน้าที่และความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
โดยได้กำหนดหน้าที่ของหมวดหน้าที่และความรับผิดชอบพะแนกสอนวิชา
โดยในระเบียบหน้าที่และความรับผิดชอบดังกล่าวดังกล่าว
ได้กำหนดให้ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิชา
[๔]
ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหมวดหน้าที่และความรับผิดชอบพะแนกสอนวิชา
ให้มีการจัดตั้งสโมสรต่างๆ
อันจะให้ประโยชน์แก่การวิชา เช่นสโมสรอ่านหนังสือ
และสโมสรสักรวาทีปรวาทีเปนต้น
วางระเบียบข้อบังคับและรักษาการให้เปนไปโดยสม่ำเสมอและได้ประโยชน์จริงในโรงเรียน
แต่ในชั้นนี้ยังไม่พบหลักฐานว่า
มีการจัดตั้งสโมสรใดบ้างในยุคโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ต่อเนื่องมาจนสมัยรวมโรงเรียนเป็นวชิราวุธวิทยาลัยแล้ว
เพิ่งจะพบหลักฐานว่า
มีการจัดตั้งสมาคมในวชิราวุธวิทยาลัยเมื่อโรงเรียนกลับมาเปิดการสอนอีกครั้งภายหลังสงครามโลกครั้งที่
๒ โดยพระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ อิศรเสนา)
ผู้บังคับการในเวลานั้นได้จัดตั้งสมาคมขึ้นก่อน ๔
สมาคมในปีการศึกษา ๒๔๙๐ ประกอบด้วย
สมาคมกีฬา
สมาคมโต้วาที
สมาคมบันเทิง
สมาคมหนังสือพิมพ์
ต่อมาในปีการศึกษา ๒๔๙๔
มีการจัดตั้งสมาคมถ่ายรูปเพิ่มขึ้นอีก ๑ สมาคม
ในระยะแรกจัดตั้งสมาคมทั้ง ๕ นั้น
แต่ละสมาคมมีผู้บังคับการเป็นนายก
และมีคุณครูที่มีทักษะความชำนาญเป็นรองนายก
ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและแนะนำการปฏิบัติงานของคณะกรรมการแต่ละสมาคมมีนักเรียนเป็นกรรมการสมาคมละ
๘ คน โดยนักเรียนเลือกกันเองเป็นประธานกรรมการ ๑
คน เลขานุการ ๑ คนและกรรมการอื่นอีก ๖ คน
ต่อมาจึงมีการกำหนดให้กรรมการแต่ละสมาคมเลือกกันเองเป็นรองประธานกรรมการอีกสมาคมละ
๑ คน
สำหรับสมาคมหนังสือพิมพ์ซึ่งมีหน้าที่จัดทำวชิราวุธานุสาส์น
อันเป็นแถลงการณ์ของวชิราวุธวิทยาลัยนั้น
เรียกตำแหน่งประธานและรองประธานกรรมการแตกต่างไปจากสมาคมอื่นๆ
ว่า บรรณาธิการและรองบรรณาธิการ
และต่อมาเมื่อมีการจัดสร้างหอสมุดภะรตราชาขึ้นในปีการศึกษา
๒๕๐๖ แล้ว
ได้มีการเพิ่มอนุกรรมการสมาคมหนังสือพิมพ์เพิ่มเติมอีก
๑๒ คน
โดยอนุกรรมการมีหน้าที่ช่วยเหลือคณะกรรมการในการจัดเตรียมต้นฉบับวชิราวุธานุสรณ์
และเป็นเวรช่วยบรรณารักษ์หอสมุดในการบริการยืมคืนและจัดเก็บหนังสือในหอสมุด
ส่วนสมาคมกีฬานั้น
เนื่องจากวชิราวุธวิทยาลัยมีการจัดให้มีการแข่งขันกีฬาระหว่างคณะเป็นหลายชนิดกีฬา
กรรมการสมาคมทั้ง ๘
คนจึงต่างมีหน้าที่เป็นหัวหน้าแผนกกีฬาต่างๆ ๘
แผนก
เฉพาะประธานกรรมการสมาคมกีฬานนอกจากจะมีหน้าที่เป็นหัวหน้าแผนกกีฬารักบี้ฟุตบอล
และเป็นหัวหน้าชุดรักบี้ฟุตบอลของโรงเรียนโดยตำแหน่งแล้ว
ยังถือกันว่า
ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นกัปตันทีมรักบี้ฟุตบอลของโรงเรียนนั้นเป็นหัวหน้าโรงเรียนต่อเนื่องกันมาโดยตลอด
คณะกรรมการสมาคมบันเทิงมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการจัดการกระจายเสียงบนหอประชุมในเวลาสวดมนต์ไหว้พระประจำวัน
รวมทั้งคัดเลือกและจัดฉายภาพยนต์ใหนักเรียนชมในคืนวันเสาร์และอาทิตย์
ส่วนสมาคมถ่ายรูปนั้นมีหน้าที่สำคัญคือ
การสอนถ่ายรูปและอัดขยายภาพในห้องมืด
กับมีหน้าที่ถ่ายภาพกิจกรรมและเหตุการณ์ต่างๆ
ของโรงเรียน
สำหรับสมาคมโต้วาทีนั้นมีหน้าที่สำคัญคือ
การจัดโต้วาทีแสดงวาทะและความคิดของนักเรียน
เนื่องจากเมื่อครั้งที่โรงเรียนกลับมาเปิดสอนในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้น
นักเรียนทั้งโรงเรียนยังมีจำนวนน้อย
ในยุคแรกจัดตั้งสมาคมทั้ง ๕
จึงได้อาศัยกำลังนักเรียนชั้นเตรียมอุดมศึกษา
(มัธยมปลาย) ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นโตของโรงเรียน
แบ่งกันเป็นคณะกรรมการสมาคมต่างๆ
แต่เพราะเหตุที่ในเวลานั้นนักเรียนชั้นโนมีจำนวนจำกัด
จึงมีนักเรียนหลายคนที่เป็นกรรมการในสมาคมต่างๆ
ซ้ำกันหลายสมาคม
ต่อมาเมื่อมีนักเรียนชั้นมํธยมปลายเพิ่มขึ้น
จึงมีการจัดให้กรรมการแต่ละสมาคมประกอบไปด้วยผู้แทนนักเรียนจากคณะโต
๔ คณะ คือ คณะผู้บังคับการ ดุสิต จิตรลดา พญาไท
คณะละ ๒ คน
สำหรับอนุกรรมการสมาคมหนังสือพิมพ์นั้นเป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้นคณะละ
๓ คน
ต่อมาในสมัยที่ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยในช่วงปีการศึกษา
๒๕๓๙ - ๒๕๕๐
ได้ปรับเปลี่ยนให้วันเสาร์ซึ่งแต่เดิมเป็นวันเรียนวิชาการในห้องเรียนมาเป็นวันกิจกรรม
โดยให้นักเรียนได้เรียนรู้นอกห้องเรียนผ่านกิจกรรมต่างๆ
ตามความสนใจของนักเรียนแต่ละคน
ในยุคนี้จึงมีการจัดตั้งสมาคมอีก ๒ สมาคม คือ
สมาคมศิลปวัฒนธรรม
และสมาคมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้นยังมีการจัดตั้งชมรมกิจกรรมวันเสาร์ทั้งคณะเด็กโตและเด็กเล็กเพิ่มเติมอีกกว่า
๔๐ ชมรม
สมาคมและชมรมต่างๆ ล้วนมีกิจกรรมต่างๆ
ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน