นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวง จมื่นมานิตย์นเรศ (เฉลิม
เศวตนันทน์) และนักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวงชิวห์
บุนนาค
อดีตพลแตรของกองลูกเสือหลวงเล่าไว้ตรงกันว่า
ทุกเย็นวันจันทร์และวันศุกร์เมื่อรับประทานน้ำชาตอนบ่ายหลังเลิกเรียนแล้ว
คุณครูหลวงหัดดรุณพล (จ้อย พลทา)
ผู้กำกับจะเรียกแถวลูกเสือหลวง
แล้วนำเดินออกจากโรงเรียนโดยมีพลแตรทั้งสี่ของกองลูกเสือหลวงทำหน้าที่เป่าเพลงเดิน
ซึ่งท่านเรียกกันว่า เพลงลอยลม
เพราะเป่ากันไปตามอารมณ์ของคนเป่า
เมื่อแถวลูกเสือหลวงเดินมาถึงหน้าทิมดาบกองทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ที่ประจำอยู่ที่พระราชวังดุสิต
คุณครูหลวงหัดดรุณพลห็จะสั่งให้แถวลูกเสือหลวงทำแลขวาคำนับธงไชยเฉลิมพลกรมทหารมหาดเล็กฯ
ที่เชิญมาประจำอยู่ที่กองรักษาการ
แล้วจึงไปตั้งแถวรอรับเสด็จพระบาสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่สนามหน้าพระที่นั่งอภิเษกดุสิต
และรอส่งเสด็จเมื่อเสร็จการเสด็จออกขุนนาง ณ
พระที่นั่งอภิเษกดุสิตเสร็จแล้ว
เพลงลอยลมของพลแตรล๔กเสือหลวงนั้นจะมีท่วงทำนองอย่างไรท่านทั้งสองมิได้เล่าไว้
เพียงแต่เล่าไว้ว่า
เพลงลอยลมของลูกเสือหลวงนั้นคงจะไปสะดุดหูพลแตรของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ซึ่งประจำรักษาการณ์อยู่ที่พระราชวังดุสิต
วันหนึ่งจึงมีนายทหารจากกรมทหารมหาดเล็กฯ
ตามมาถึงโรงเรียนเพื่อขอต่อเพลงลอยลมไปใช้ในราชการด้วย
 |
ท่านผู้บังคับการะยาภะรตราชา กับครูประดิษฐ์
คล่องสู้ศึก
และวงโยธวาทิตวชิราวุธวิทยาลัย |
อนึ่ง เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ยกกองลูกเสือหลวงขึ้นเป็นกรมนักเรียนเสือป่าหลวงในตอนปลายปี
พ.ศ. ๒๔๕๗ แล้ว ก็ยังไม่พบว่า ได้โปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งแตรวงขึ้นในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
อาจจะเป็นเพราะในเวลานั้นนักเรียนทั้งโรงเรียนตั้งแต่ชั้นประถมปีที่
๑ ถึงชั้นมัธยมปีที่ ๘ มีจำนวนราว ๑๕๐ คนเท่านั้น
และคงจะไม่มีนักเรียนชั้นโตมากพอที่จะฝึกหัดเครื่องดนตรีและจัดรวมเป็นวงแตรวงได้
และแม้ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
จะโปรดเกล้าฯ
ให้ยกโรงเรียนราชวิทยาลัยมารวมกับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙ แล้วก็ตาม
จำนวนนักเรียนทั้งโรงเรียนก็เพิ่มขึ้นไม่มากนัก
จึงไม่ปรากฏว่ามีการจัดตั้งวงดนตรีขึ้นในวชิราวุธวิทยาลัย
ตราบจนถึงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒
เมื่อโรงเรียนกลับมาเปิดสอนอีกครั้งใน พ.ศ. ๒๔๘๙
มีจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้น
เพราะวชิราวุธวิทยาลัยเป็นเพียง ๑ ใน ๒๐
กว่าโรงเรียนที่ได้รับอนุญาตให้เปิดสอนถึงชั้นมัธยมปลลาย
ประกอบกับท่านผู้บังคับการพระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ
อิศรเสนา) ตระหนักดีว่า
ในการอบรมนักเรียนให้เป็นผู้ดี มีศาสนา
และเป็นสุภาพบุรุษตามแนวพระบรมราโชบายของพระบรมราชูปถัมภกวชิราวุธวิทยาลัยทุกพระองค์นั้น
จำจะต้องขัดเกลาจิตใจของนักเรียนให้อ่อนโยน
ซึ่งการดนตรีนอกจากจะช่วยให้นักเรียนผ่อนคลายจากการเรียนวิชาการในห้องเรียนแล้ว
ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการกล่อมเกลาจิตใจของนักเรียนอีกทางหนึ่งด้วย
ท่านผู้บังคับการจึงได้ขออนุมัติงบประมาณจากคณะกรรมการอำนวยการโรงเรียนจัดหาเครื่องดนตรีสากล
ทั้งเครื่องลมไม้ เครื่องทองเหลือง
และเครื่องกระทบมาให้นักเรียนได้ฝึกหัดเครื่องดนตรีจริง
โดยขอสิบเอก ประดิษฐ์ คล่องสู้ศึก (ยศในขณะนั้น)
ครูดนดนตรีของกองดุริยางค์มณฑลทหารบกที่ ๑
มาเป็นผู้ฝึกสอนนักเรียนในช่วงเวลาบ่ายหลังเลิกเรียน
โดยมีนักเรียนเก่าพรานหลวง โฉลก เนตรสูตร
หัวหน้าวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร
ซึ่งเป็นผู้ประพันธ์ทำนองเพลงมหาวชิราวุธราชสดุดีเป็นผู้ควบคุมการฝึกสอนมาตั้งแต่
พ.ศ. ๒๔๙๐
 |
ถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้า |
ครั้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาชัยนาทนเรนทร
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร มีพระบัญชาโปรดเกล้าฯ
ให้รื้อฟื้นพระราชประเพณีการถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าในวันที่
๒๓ ตุลาคม
ที่ถูกยกเลิกไปตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.
๒๔๗๕ ขึ้นมาอีกครั้ง
คณะครูและนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยซึ่งต่างก็สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิรู้เสื่อมคลายก็ได้พร้อมกันไปถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้า
ณ
พระลานพระราชวังดุสิตเช่นที่เคยปฏิบัติมาในรัชกาลก่อนๆ
รวมทั้งได้ไปถวายบังคมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งรัฐบาลจัดสร้างขึ้นใหม่
ณ พระบรมราชานุสรณ์สวนลุมพินีในวันที่ ๒๕
พฤศจิกายนซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคต
โดยมีวงโยธวาทิต (Military Band)
ในความควบคุมของครูประดิษฐ์ คล่องสู้ศึก
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นวงโยธวาทิตนักเรียนวงแรกของประเทศไทยเดินนำแถวนักเรียนทั้งโรงเรียนไปในการนั้นๆ
 |
วงโยธวาทิตในงานและครูประดิษฐ์ คล่องสู้ศึก
ที่สนามหน้า |
นอกจากวงโยธวาทิตวชิราวุธวิทยาลัยจะได้บรรเลงนำแถวนักเรียนไปถวายบังคมและไปในงานต่างๆ
ของโรงเรียน
ยังได้รับเชิญไปบรรเลงนำแถวลูกเสือโรงเรียนต่างๆ
ที่มาร่วมสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณในวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ
๑ กรกฎาคม และบรรเลงนำนักกีฬาชาติต่างๆ
เข้าสู่สนามในพิธีเปิดและปิดการแข่งขันกีฬาแหลมทอง
และกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่จัดขึ้นที่สนามศุภชลาศัยเป็นประจำแล้ว
เมื่อโรงเรียนจัดให้นักเรียนฝึกหัดเครื่องสายสากล
เช่น ไวโอวิน วิโอลา ดับเบิลเบส
จนมีความสามารถแล้ว
ก็ได้รวบรวมนักดนตรีประเภทเครื่องสายกับนักดนตรีบางส่วนจากวงโยธวาทิตจัดเป็นวงจุลดุริยางค์
(Symphony Orchestra)
นักเรียนวงแรกของประเทศไทยด้วย
 |
 |
พระเจนดุริยางค์
(ปิติ วาทยกร) |
พระยานรเทพปรีดา
(จำเริญ สวัสดิ์ - ชูโต) |
เมื่อแรกจัดตั้งวงจุลดุริยางค์ขึ้นนั้น
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระเจนดุริยางค์ (ปีเตอร์
ไฟฟ์) บุตรของยาคอบ ไฟท์
อดีตครูแตรวงทหารบกมาเป็นครูสอนดนตรีประจำวงจุลดุริยางค์
แต่พระเจนดุริยางค์ทนความดื้อและซุกซนของนักเรียนไม่ไหวจึงมาสอนได้ไม่นาน
ท่านผู้บังคับการจึงได้เชิญพระยานรเทพปรีดา (จำเริญ
สวัสดิ์ - ชูโต)
อดีตเลขาธิการกรมบัญชาการกลางมหาดเล็กในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักไวโอลินผู้มีความสามารถมาเป็นผู้ฝึกสอนแทน
และได้จ้างครูดนดนตรีจากกองดุริยางค์ทหารบกมาช่วยสอนต่อๆ
กันมา
 |
วงจุลดุริยางค์บรรเลงในงานพิธีบนหอประชุม |
 |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร
ทอดพระเนตรการบรรเลงดนตรีของวงจุลตุริยางค์
ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าไปบรรเลงถวาย
ในงานวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ
เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ
(สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกร
บดินทรเทพยวรางกูร)
วันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ |
วงจุลดุริยางค์นอกจากจะได้บรรเลงในการพิธีต่างๆ
บนหอประชุมของโรงเรียน เช่น
บรรเลงเพลงมหาวชิราวุธราชสดุดี
และเพลงวรรเสริญบทพระสุบิน (สรรเสริญเสือป่า)
ในเวลาเปิดและปิดพระวิสูตรพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าอยู่หัวแล้ว
ยังได้บรรเลงประกอบการขับร้องเพลงต่างๆ
ของนักเรียน รวมทั้งรับเชิญไปบรรเลงทางสถานีวิทยุ
อส.พระราชวังดุสิต และงานอื่นๆ
ที่ได้รับเชิญเป็นประจำ
เนื่องจากข้อจำกัดในด้านงบประมาณ
และราคาที่สูงมากในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒
เครื่องดนตรีที่โรงเรียนจัดหามาในยุคแรกตั้งวงโยธวาทิตนั้น
จึงมีคุณภาพตามราคา
เมือนักเรียนซึ่งเป็นนักดนตรีสมัครเล่นนำไปบรรเลงนำแถวนักเรียนจึงทำให้เสียงดนตรีมักจะผิดเพี้ยน
จึงมักจะปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร พระบรมราชูปถัมภก
ทรงพระมหากรุณาพระราชทานพระราชกระแสทรงทักท้วงให้ปรับแต่งเสียงเครื่องดนตรีอยู่เสมอๆ