 |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร
ทรงดนตรีร่วมกับวงหัสดนตรี
ในงานเฉลิมพระชนม์พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ
วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ |
 |
คุณเสมอ
แซกโซโฟนในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร
ซึ่งทรงพระมหากรุณาพระราชทานเป็นเครื่องดนตรีประจำวงหัสดนตรี
ปัจจุบันจัดแสดงในหอประวัติโรงเรียน |
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร พระบรมราชูปถัมภกวชิราวุธวิทยาลัย
การดนตรีของวชิราวุธวิทยาลัยก็เจริญก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ
จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งวงหัสดนตรี (Jazz)
เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวง โดยโปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระราชทรัพ์ส่วนพระองค์จัดหาเครื่องดนตรีอย่างดีที่สุดในเวลานั้นมาพระราชทาน
โรงเรียนจึงได้คัดเลือกนักเรียนที่มีความสามารถจากวงโยธวาทิตมาฝึกหัดบรรเลงเพลง
Jazz โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายแมนรัตน์
ศรีกรานนท์ มาครูดนตรีคนแรกของวงหัสดนตรี
และในยามที่ทรงว่างจากพระราชกิจก็มักจะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งมาทรงดนตรีกับวงหัสดนตรีเป็นประจำ
นอกจากนั้นยังได้ทรงร่วมบรรเลงดนตรีกับวงหัสดนตรี
ทั้งยังได้โปรดเกล้าฯ
พระราชทานกางเกงแถบขายาวให้นักดนตรีวงหัสดนตรีใช้แต่งในเวลาออกไปบรรเลงภายนอกโรงเรียนด้วย
 |
วงหัสดนตรี |
อนึ่ง
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น
นักเรียนเก่าพรานหลวงชุบ ยุวนวณิช เล่าว่า
มีพระราชปรารภจะให้เสือป่ากรมพรานหลวงรักษาพระองค์ฝึกหัดเป่าปี่สก๊อต
เพื่อจัดเป็นวงดนตรีนำแถวเสือป่ากรมพรานหลวงที่เป็นเสือป่าเหล่าเดียวที่โปรดเกล้าฯ
ให้วิ่งเหยาะในเวลาสวนสนามแทนการเดินเช่นเสือป่าเหล่าอื่นๆ
แต่ปรากฏว่ามีเพียงนักเรียนเก่าพรานหลวงบุญส่ง
ซึ่งเวลานั้นรับราชการอยู่ในกรมมหรสพและเป็นเสือป่าพรานเพียงผู้เดียวที่สามารถเป่าปี่สก๊อตได้
แนวพระราชดำริที่จะจัดให้มีวงปี่สก๊อตจึงไม่สำเร็จสมดังพระราชประสงค์
แต่ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ นั้น
รัฐบาลได้ขอใช้สถานที่ของโรงเรียนเป็นสถานที่ทำการของหน่วยราชการต่างๆ
รวมทั้งได้ใช้พื้นที่สนามหลังเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าหลวง
จัดจ่ายไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าหลวงสามเสนที่ถูกระเบิดทำลายไป
แต่เมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดของชาติสัมพันธมิตรได้มาทิ้งระเบิดโดนตึกใหญ่และปีกด้านทิศเหนือของคณะประคอง
(คณะดุสิต) พังไปทั้งหลังเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.
๒๔๘๗
และมีสะเก็ดระเบิดบางส่วนปลิวไปตกที่หมวดรถยนต์หลวงซึ่งอยู่ติดกับคณะดุสิต
ทำให้อาคารและรถยนต์หลวงที่จอดอยู่ได้รับความเสียหายไปบางส่วน
ทางราชการจึงได้ย้ายเชลยศึกและชนชาติศัตรูซึ่งเดิมกักขังอยู่ที่ตึกโดม
มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง
มาปลูกเรือนจากให้อยู่เป็นยันต์กันระเบิด
และด้วยการประสานงานของเสรีไทยด้วย
พื้นที่ตรงนั้นจึงอยู่รอดปลอดภัยมาจนสิ้นสงครามในเดือนสิงหาคม
พ.ศ. ๒๔๘๘
 |
นายสจ๊วต มาร์ (ยืนกลาง)
ถ่ายร่วมกับวงปี่สก๊อต
ที่ไปร่วมบรรเลงในงานวันเซนต์แอนดรูว์ (St.
Andrews Day) ที่ราชกรีฑาสโมสร |
นักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย พงษ์ธร พรหมทัตตเวที
ได้เล่าว่า ในค่ายกักกันนี้มีเชลยศึกชาว
สก๊อตคนหนึ่งชื่อ นายสจ๊วต มาร์ (Stewart Marr)
เป็นผู้จัดการสายการเดินเรือของบริษัท บอร์เนียว
จำกัด
[๑]
นำปี่สก๊อตมาเป่าแก้เหงา
เมื่อท่านผู้บังคับการพระยาภะรตราชาได้ยินเข้าก็ติดใจ
ทาบทามฝรั่งเชลยคนนี้ว่าถ้าสงครามสงบ
ขอให้จัดการสอนเครื่องดนตรีชนิดนี้ให้นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเป็นการสนองพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระผู้พระราชทานกำเนิดวชิราวุธวิทยาลัย
 |
วงปี่สก๊อตบรรเลงนำแถวนักเรียนคณะจิตรลดา
และคณะพญาไท |
ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของท่านผู้บังคับการตลอดจนผู้กำกับคณะและคุณครู
ซึ่งผลัดกันลักลอบส่งอาหารข้ามรั้วไปให้เชยศึก
เป็นการบรรเทาความทุกข์ยากจนสงตรามสงบลงในเดือนสิงหาคม
พ.ศ. ๒๔๘๘ แล้ว นายสจ๊วต มาร์
จึงได้นำปี่สก็อตของตนซึ่งประดับด้วยงาช้างและแผ่นเงิน
กับจัดหาปี่สก๊อตอีก ๓ เครื่องรวมเป็น ๔
เครื่องมามอบให้โรงเรียน
แล้วโรงเรียนได้สั่งซื้อปี่สก๊อตเข้ามาอีก ๘
เครื่อง
รวมทั้งจัดหากลองเล็กกลองใหญ่ผสมกันเป็นวงปี่สก๊อตได้
จึงได้เชิญนายมาร์มาสอนนักเรียนเป่าปี่สก๊อต
แล้วจัดซื้อปี่สก๊อตเพิ่มเติมเป็นลำดับ
จนเป็นวงปี่สก๊อตวงแรกของประเทศไทย (ปัจจุบันมีวงปี่
สก๊อตของกองดุริยางค์สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกวงหนึ่ง
แต่ขนาดของวงต่างจากวงของวชิราวุธวิทยาลัยมาก)