การถวายบังคมสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระมหากรุณาสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นแทนพระอารามหลวงประจำรัชกาลแล้ว
ก็ได้พระราชทานพระบรมราโชบายในการอบรมนักเรียนในโรงเรียนนี้ไว้หลายประการ
ประการหนึ่งที่ทรงเน้นย้ำและทรงให้ความสำคัญมาก
คือ การสอนให้นักเรียนมีความ กตัญญู
ดังที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในบทเพลง เราเด็กในหลวง
ซึ่งพระราชทานให้เป็นบทร้องของนักเรียนมหาดเล็กหลวงว่า
กตัญญูฝังจิตติดดวงใจ
จนเติบใหญ่ไม่จางไม่บางเบา
และแม้ว่านักเรียนจะจบการศึกษาไปจากโรงเรียนแล้ว
ก็ยังโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์คำว่า กตัญญู
ไว้ที่ตอนล่างของประกาศนียบัตรโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์
ดังนี้จึงเห็นได้ว่า
นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยได้รับการปลูกฝังให้เป็นผู้มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณมาแต่เป็นนักเรียนและตลอดไปจนตราบชีวิตหาไม่
การแสดงความกตัญญูที่นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยถูกปลูกฝังมาแต่แรกพระราชทานกำเนิดโรงเรียน
คือ
การถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าเนื่องในอภิลักขิตสมัยคล้ายวันฉัตรมงคลในพระบาท-สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งเริ่มจัดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๗
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๔ ถัดมาใน พ.ศ. ๒๔๕๕
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เปลี่ยนมาวางพวงมาลาถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าในวันที่
๒๓ ตุลาคม ดังมีความตอนหนึ่งในราชกิจจานุเบกษาว่า
เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จกลับจากพระบรมมหาราชวัง
โดยรถยนต์พระที่นั่งไปประทับรถที่พระบรมรูปทรงม้า
น่าพระลานพระราชวังสวนดุสิต
ทรงวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมรูป
สมเด็จพระบรมชนกาธิราชแล้ว
เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระราชวังสวนดุสิต
อนึ่งในวันที่ ๒๓ ตุลาคม นี้
เปนวันอภิลักขิตสมัยประจำปีบันจบรอบวันสวรรคตในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประชาชนจึงได้พร้อมกันนำธูปเทียนพวงมาลามากระทำสักการะบูชาถวายบังคม
พระบรมรูป
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวปิยะมหาราช
กระทรวงนครบาลได้จัดการสมาคมนี้
เวลาเช้าเลี้ยงอาหารบิณฑบาตแก่พระสงฆ์
เวลาบ่ายพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
เวลาค่ำมีการมหรศพ แลจุดดอกไม้เพลิงสมโภช
พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการ
แลประชาชนล้นหลามเต็มไปทั้งพระลาน
มาถวายเครื่องสักการะกราบถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าทั้งกลางวันกลางคืนตลอดวัน
[๑] |
จากนั้นมาจึงโปรดเกล้าฯ
ให้เปลี่ยนมาถวายบังคมในวันที่ ๒๓ ตุลาคม
และนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยพร้อมด้วยคณะครูได้เดินจากโรงเรียนไปวางพวงมาลาถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์
ณ พระลานพระราชวังดุสิต
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุฯเป็นประจำตลอดมาทุกปี
ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
คณะนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยได้มีดำริที่จะจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระผู้พระราชทานกำเนิดวชิราวุธวิทยาลัย
ประดิษฐานไว้ ณ เนินหอนาฬิกาภายในโรงเรียน
จึงได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานเงินส่วนพระองค์จำนวน ๑,๐๐๐
บาทเป็นทุนประเดิม
และมีผู้จงรักภักดีร่วมบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลรวมเป็นเงินกว่า
๑๐,๐๐๐ บาท แต่ยังมิทันได้ดำเนินการอย่างไร
พอดีเกิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง
การจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์จึงหยุดชะงักลงชั่วระยะเวลาหนึ่ง
จนถึงสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี
รัฐบาลในสมัยนั้นได้ขอรับโครงการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวไปดำเนินการต่อ
โดยให้เหตุผลว่า
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหาวีรราชเจ้าผู้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติเป็นเอนกอนันต์
การประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ไว้ภายในโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่ปิดนั้น
ประชาชนผู้มีจิตกตัญญูและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณไม่อาจจะเข้าไปถวายบังคมได้เช่นพระบรมรูปทรงม้าซึ่งประดิษฐานในที่สาธารณะ
รัฐบาลจึงได้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ประดิษฐานไว้ที่สวนลุมพินีตามคำแนะนำของนายกสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยในเวลานั้น
 |
ท่านผู้บังคับการพระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ
อิศรเสนา) และนักเรียน
ขณะรอรับเสด็จที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สวนลุมพินี |
เมื่อการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ที่สวนลุมพินีแล้วเสร็จและเชิญพระบรมรูปขึ้นประดิษฐานเหนือแท่นฐานแล้ว
ก็ประจวบเวลาบ้านเมืองประสบภัยสงคราม
จึงยังไม่มีการถวายบังคมพระบรมรูปที่สวนลุมพินี
จนสงครามสงบลงและพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. ๒๔๘๙
แล้ว จึงปรากฏความตอนหนึ่งในวชิราวุธานุสาส์น
ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๒ ภาคปวารณา ปีการศึกษา ๒๔๙๐ ว่า
เวลา ๑๕.๐๐ น.
เคลื่อนขบวนออกจากโรงเรียนไปถวายบังคมพระบรมรูปพระบาท-สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่สวนลุมพินี
เวลา ๑๖.๓๐ น. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมขุนชัยนาทนเรนทร
ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เสด็จมาทรงวางพวงมาลา
นักเรียนวชิราวุธไปตั้งแถวคอยรับเสด็จอยู่ที่ลานหน้าพระบรมรูป
ถวายบังคมพระบรมรูปแล้วร้องเพลงมหาวชิราวุธราชสดุดี
เมื่อร้องเพลงเแล้วท่านประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เสด็จกลับเป็นอันเสร็จพิธี
[๒] |
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๙๒
คณะรัฐมนตรีได้ลงมติให้จัดงานวันที่ระลึกคล้ายวันสวรรคตในพระบาทสมเด็จพระเมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นรัฐพิธี
[๓]
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กมขุนชัยนาทนเรนทร
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงมีพระบัญชาสั่งให้สำนักพระราชวังจัดรัฐพิฑัถวายบังคม
ณ วชิราวุธบรมราชานุสสรณ์ที่สวนลุมพินี ในวันที่
๒๕ พฤศจิกายน โดยมีกำหนดการ ดังนี้
เวลา ๑๖ นาฬิกา ๓๐ นาที พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ฯ
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
เสด็จไปยังวชิราวุธบรมราชานุสสรณ์
ทรงวางพวงดอกไม้ของหลวงและทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้วเสด็จกลับ
|
เมื่อสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย
ในพระบรมราชูปถัมภ์
จัดสร้างพระบรมรูปทรงเครื่องพระมหาพิชัยยุทธประดิษฐานไว้ที่แท่นฐานหน้าหอประชุมใน
พ.ศ. ๒๕๐๘ แล้ว คณะครูและนักเรียนคณะต่างๆ
ก็ได้ร่วมกันวางพวงมาลาที่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์หน้าหอประชุมในตอนเช้าตรู่ของวันที่
๒๕ พฤศจิกายน มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๘
อนึ่ง
เนื่องจากทรงพระมหากรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลที่โรงเรียนในตอนเช้าวันที่
๒๕ พฤศจิกายน
แล้วในตอนบ่ายจึงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาที่พระบรมราชานุสาวรียสวนลุมพินี
ในช่วงเวลานั้นเสร็จการพระราชพิธีที่โรงเรียนในตอนเช้าแล้วตอนบ่ายคณะครูและนักเรียนทั้งโรงเรียนจึงไปถวายบังคมและรอรับเสด็จที่ลานพระบรมราชานุสรณ์สวนลุมพินี
และรอรับเสด็จที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์เป็นประจำทุกปี
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับแล้วจึงเดินทางกลับโรงเรียนและปิดภาคปวารณาในวันนั้น
แต่เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เปลี่ยนแปลงกำหนดการเป็นเสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลที่โรงเรียน
เสร็จแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาที่สวนลุมพินีต่อกันในคราวเดียว
โรงเรียนจึงได้จัดแบ่งครูและนักเรียนคณะโตคอยรับเสด็จอยู่ที่โรงเรียน
แลให้ครูและนักเรียนคณะเด็กเล็กไปรอรับเสด็จที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สวนลุมพินีสืบมา
ต่อมามีการประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่หน้ารัฐสภา
แต่เนื่องจากลานพระบรมราชานุสาวรีย์ไม่สามารถรองรับผู้ร่วมพิธีจำนวนมากได้
วชิราวุธวิทยาลัยจึงส่งผู้แทนคณะครูและนักเรียนไปวางพวงมาลาถวายบังคมพระบรมรูปในวันที่
๓๐ พฤษภาคม ซึ่งเป็นอภิลักขิตสมัยคล้ายวันสวรรคต
และวางพุ่มดอกไม้ถวายบังคมในวันที่ระลึกการพระราชทานรัฐธรรมนูญ
วันที่ ๑๐ ธันวาคมของทุกปี
และเมื่อมีการประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
พระอัฐมรามาธิบดินทร์ ที่เชิงสะพานพระราม ๘ แล้ว
วชิราวุธวิทยาลัยก็จัดให้ผู้แทนครูและนักเรียนคณะเด็กเล็กไปวางพวงมาลาถวายบังคม
ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ เชิงสะพานพระราม ๘ ในวันที่
๙ มิถุนายนของทุกปีด้วย
ใน พ.ศ. ๒๕๖๑
รัฐบาลในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูรได้จัดให้มีการถวายบังคมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ณ
มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
วชิราวุธวิทยาลัยก็จัดให้ผู้แทนครธครูและนักเรียนไปวางพวงมาลาและถวายบังคมด้วย
อนึ่งในการถวายบังคมเนื่องในอภิลักขิตสมัยวันคล้ายวันสวรรคตในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร ในวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ นี้
รัฐบาลได้มีประกาศเชิญชวนให้ข้าราชการและพสกนิกรผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ร่วมในพิธี
ร่วมกันถวายบังคมตามแบบที่คณะครูและนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดยพร้อมกันลงนั่งคุกเข่าพนมมือที่หน้าอก
แล้วยกมือที่พนมนั้นขึ้นเหนือศีรษะให้ปลายนิ้วหัวแม่มือจรดที่หน้าผากตามโบราณราชประเพณี
แทนการยืนถวายความเคารพเช่นที่เคยปฏิบัติมาด้วย